ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตา
วันนี้ได้บทเรียนที่ต้องขอขมาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพราะลูกยังมีความเข้าใจธรรมภายในใจที่คลาดเคลื่อนเจ้าค่ะ
สืบเนื่องจากเรื่องหนังสือธรรมะ พอองค์หลวงตาดำริให้ทำเป็นหนังสือ มันก็ค่อยๆ ปรากฎชื่อหนังสือ และปรากฏผู้ที่จะช่วยเรียบเรียงขึ้นมาด้วยเจ้าค่ะ
ซึ่งมันจะเป็น ซีรีย์หนังสือ 4 เล่ม คือ
- “ผ่านกระแสทุกข์ สู่กระแสธรรม” (เล่มนี้จะเป็นประสบการณ์การปฏิบัติและธรรมะที่ส่งการบ้านหลังป่วย ซึ่งจะมีเนื้อหาเยอะที่สุด และคนช่วยอ่านเยอะที่สุดเจ้าค่ะ)
- “คือธรรมชาติ อันธรรมดา” (เล่มนี้จะเป็นการสกัดเฉพาะเนื้อธรรม จากเล่มแรกที่เป็นสัจธรรมที่ปรากฏ และภาพธรรมเจ้าค่ะ)
- “งามในความเงียบ” (เล่มนี้ สื่อกระแสธรรมที่ไร้ตัวอักษร ซึ่งยังไม่ปรากเฏนื้อหาเลย ปรากฏแต่ภาพเจ้าค่ะ และปรากฏผู้ที่จะต้องทำด้วยกัน คือ พี่มุ้ยเจ้าค่ะ)
- “สิ้นสมมติ” ซึ่งเล่มนี้ ปรากฏเพียงภาพองค์หลวงตาเท่านั้น ลูกยังเขียนออกมาเองไม่ได้เลยเจ้าค่ะ
แต่อยู่ๆ ไม่รู้ยังไง มันจะปรุงแต่งแต่เนื้อหาของเล่มสุดท้ายให้ได้ ว่าเป็นการดับสนิทไม่มีส่วนเหลือของกาย เวทนา จิต ธรรม และเข้าใจผิด ว่า “เมื่อธรรมทั้งหมด ถูกถ่ายทอดออกมาจนหมดสิ้น ย่อมไม่เหลือสิ่งใดอีก เป็นความดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ ...สิ้นสมมติ” คือ มันเข้าใจแบบนี้ แต่สิ่งที่เป็นจริงภายในใจ คือ ความฟุ้งในธรรมะของประโยคนี้ มันไม่ได้ดับลงเลย
มารู้ตัวอีกทีตอนทำพลังลมปราณ ปรากฏว่ารั่วเจ้าค่ะ มันรั่ว แต่ก็อดทนทำซ้ำ จนถึงจุดหนึ่งที่ภายในมันกำลังจะตาย ก็ปรากฏเสียงหลวงตาขึ้นมาว่า
“สิ้นสมมติ - สิ้นราคะ” ลูกอึ้งไปเลยเจ้าค่ะ เหมือนโดนกระแทกอย่างจังว่า จะสิ้นสมมติ โดยมีราคะต่อธรรม มีราคะต่อการส่งต่อธรรมได้อย่างไร
เลยรีบขอขมาต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เลยเจ้าค่ะ
พอเข้าสู่ความสงบแล้วจึงได้รู้ว่า ที่แท้การสิ้นสมมติ มันมิใช่หมายถึง การดับสนิทของสังขาร กายเวทนาจิตธรรม แต่มันหมายถึง การดับของตัวเราต่างหาก
เมื่อตัวเราได้ดับลงนั้น สรรพสิ่งอันเป็นสมมติทั้งมวลก็ได้ดับไปด้วย มันดับไปท่ามกลางการดำรงอยู่ ของกาย เวทนา จิต ธรรม ที่ปรากฏเกิดๆ ดับๆ ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตเจ้าค่ะ
ไม่น่าเชื่อว่า การปรุงแต่งที่คลาดเคลื่อน ด้วยกิเลสส่วนละเอียดที่ยังไม่หมดไป แม้เพียงนิดเดียวมันจะปรุงไปไกลได้ขนาดนั้นเจ้าค่ะ
ท่าทางลูกยังเขียนเล่มนี้ไม่ได้จริงๆ เพราะมันยังไม่ปรากฏสิ่งใดออกมาเลยเจ้าค่ะ มีแต่ความเข้าใจธรรมว่าสิ้นสมมติ คือ สิ้นตัวเราเท่านั้น
หลวงตา : เล่มสุดท้าย มันคือใจ (วิสังขาร) แล้วมันจะสังขารปรุงแต่งว่าจะเขียนออกมาก่อนได้อย่างไร
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564