ผู้ถาม : กราบนมัสการท่านพระอาจารย์เจ้าค่ะ
โยมอยากกราบเรียนเรื่องสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นเจ้าค่ะ
คือเมื่อ 3 วันก่อน โยมกำลังเดินจงกรมอยู่ ตอนนั้นเวทนามันเยอะมากเลยเจ้าค่ะ รู้สึกว่าในหัวนี่หมุนติ้วๆๆ เลย ตัวเราก็โคลง โยกซ้ายขวาจะเซล้มอยู่แล้ว สติก็แทบจะหลุดแล้ว ขณะเดินนั้น ความรู้สึกกำลังจะเกิดว่า เป็นตัวเราเจ็บ เวทนาของเรา มันก็กำลังจะเกิดอยู่แล้ว...
วินาทีนั้นรู้สึกว่า มีความรู้คิดโพล่งขึ้นมาว่า ก็เนี่ยไง... อาการตึง โยก เคลื่อนไหว ร้อนต่างๆ มันเป็นสภาวะของปรมัตถ์ธรรม ซึ่งเป็น สภาวะปกติของธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ไม่ใช่เหรอ... แค่ความรู้สึกนึกคิดแบบนั้นปรากฎขึ้นมา... เหมือนกับว่าใจมันยอมรับทันที แบบง่ายๆ เลยเจ้าค่ะ...
เพราะรู้สึกถึงการปลดปล่อยออกจากใจไปเลย... ความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา... มันหายไปเลย... ก็ให้แปลกใจ เพราะหลังจากนั้น ก็ได้เดินจงกรมแบบ ชิวๆ ตัวเบา ใจเบา ตลอดสายเลย... แล้วพอมานั่งสมาธิต่อจากนั้น ก็เหมือนเห็นสภาวะธรรมของ ปรมัตถ์ธรรมต่อเนื่องไปเลยจากการเดิน... มีสมาธิแน่วแน่ ที่เห็นที่รู้สึกได้เฉพาะสภาวะปรมัตถธรรมตลอดเวลาที่นั่งเจ้าค่ะ...
เมื่อออกจากสมาธิ รู้สึกว่าใจอิ่มเอิบมาก มีความรู้สึกสุขเล็กๆ ข้างในจากการปลดปล่อยอะไรสักอย่างออกไปจากใจ... หลังจากนั้น ความคิดเรื่อง การพิจารณาธาตุสี่ก็มาปรากฎให้ได้รับรู้และ พิจารณาตามต่อเนื่องเจ้าค่ะ... (มันก็แปลก เพราะ เรื่องธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ มันก็มีในสัญญาจำได้อยู่แล้ว เพราะท่านก็สอนเรื่องนี้มาตลอด... แต่ที่ผ่านๆมา ทำไมไม่เคยตระหนักว่า นี่คือของจริงๆ ที่ ปรากฏใน รูปกายนี้)...
แต่ความรู้สึกตอนนี้มันเปลี่ยนไปเจ้าค่ะ... คือ มันเริ่มมองเห็น รูปกาย เป็นแค่ ธาตุสี่จริงๆๆ ไม่มีรูปร่างกายเราเวลาเวทนามันเกิด หลังจากวันนั้นมา ความรู้สึกว่าเป็นธาตุสี่ มันขึ้นมาปรากฎแทนตัวเราไปเรื่อยๆ เจ้าค่ะ... คล้ายๆ สัญญาความจำมันเปลี่ยนไปแล้ว เห็นเป็นลักษณะของปรมัตถ์ธรรมไปเรื่อยๆ เจ้าค่ะ
แต่โยมไม่มีเวลาส่งการบ้านให้ท่านพระอาจารย์ได้รับรู้ได้ในวันนั้น เพราะเช้านั้นคุณพ่อก็ไม่สบายขึ้นมาทันทีทันใด ทั้งไอ เสลดเยอะ ต้องดูดเสมหะ และ มีไข้ขึ้น กำลังไต่ระดับจาก 37... ไล่ขึ้นไปถึง 38.4 แล้วโยมก็ต้องติดต่อสอบถามคุณหมอที่รพ.กรุงเทพโคราช ได้ความว่าถ้าไข้สูงเกิน 38 ไม่ลงทั้งวัน ต้องส่งรพ.อย่างเดียว เพราะคนไข้จะหายใจติดขัด หอบ และทางรพ.ก็จะต้องเจาะคอ เพื่อดูดเสมหะ และใส่ท่อหายใจ... แต่ก่อนจะทำขบวนการเหล่านี้ได้ ก็ต้องผ่านการตรวจโควิทก่อน ต้องนอนรอผลให้แน่ใจอย่างน้อย 8 ชม. ถึงจะเข้าไปใช้บริการอื่นๆ ได้... แค่ ฟังหมอพูดก็มึนตึบ!!!แล้วเจ้าค่ะ กับภาพความโกลาหลที่จะเกิดขึ้น... แต่ที่สำคัญที่สุดคือ กลัวคุณพ่อจะต้องทรมานสังขารอีกมากมาย ถ้าต้องไปรพ.
โยมทำงานบ้านไปก็นึกขึ้นได้ ขอที่พึ่งจาก พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ รวมทั้งบุญบารมีหลวงตา... รวมทั้งแอบนึกถึงบุญกุศลในสภาวะธรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วย... ขอให้ช่วย สามารถรักษาคุณพ่อได้เองที่บ้าน ไม่ต้องไปรพ. และสั่งเด็กที่ดูแล ให้ใส่น้ำมนต์หลวงตา ลงในน้ำที่ใช้ชงนมฟีดคุณพ่อด้วยทุกๆ มื้อ
พอช่วงหลังเที่ยง... อยู่ดีๆ ไข้ก็เริ่มลดลงมา ต่ำกว่า 38 จนมาอยู่ที่ราวๆ 37.4 ถึง 37.1 ไอก็เริ่มลดลง เสลดน้อยลง เหงื่อออกมาเต็มแผ่นหลังเจ้าค่ะ... ให้ประหลาดใจกับทุกๆ คน... แล้ว อาการทุกอย่างก็ค่อยๆ กลับคืนสู่ปกติเจ้าค่ะ ทั้งความดันและหัวใจ ที่เดิมเหวี่ยงไปสูงลิ่ว แล้วก็เหวี่ยงต่ำลงมาจนน่าใจหายเหมือนกัน เพราะเราวัดกันทุกชม. ยังนึกตอนแรกว่าจะไม่รอดแล้วเจ้าค่ะ... โยมโทรเรียกพี่สาวและน้องสาวมาด่วนเลย ก็มาพร้อมหน้ากันเลย... แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ เมื่อวานก็เริ่มกลับมาเอาคุณพ่อนั่งรถเข็นเหมือนเดิมที่เคยทำเจ้าค่ะ เค้าจะได้เปลี่ยนอิริยาบท และไม่ต้องนอนเตียงอย่างเดียว
ส่วนเย็นวันที่เกิดเหตุนั้น โยมมานั่งในห้องพระ น้อมกราบรำลึกถึง พระคุณของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และองค์หลวงตา ที่เมตตาๆๆๆๆๆ ช่วยเหลือเจ้าค่ะ... เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเหลือเชื่อเจ้าค่ะ... และโยมมั่นใจในศรัทธาที่โยมมีต่อ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เจ้าค่ะ... จึงทำให้ สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้... สามารถเป็นไปได้...
เฮ้อ..เหนื่อยเจ้าค่ะ กับความวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้น
โยมเลยเพิ่งมีเวลามานั่งเขียนการบ้านส่งท่านพระอาจารย์เจ้าค่ะ... กราบขอขมาด้วยเจ้าค่ะที่ส่งมาช้าไปหน่อยเจ้าค่ะ
อยากกราบเรียนเพิ่มเติมว่า... ตอนที่สภาวะธรรมเกิด... เสียงท่านพระอาจารย์ปรากฏขึ้นมาว่า "รับรู้ทุกอย่างตามความเป็นจริง... ยถาภูตญาณทัสนะ... เป็นประตูก้าวข้ามสู่พระนิพพาน... " อยากเรียนถามท่านว่า นี่ใช่การหลุดพ้นชั่วคราว - ตทังควิมุต หรือเปล่าเจ้าคะ เลยขอกราบเรียนส่งการบ้านมาให้ท่านทราบตามนี้เจ้าค่ะ
กราบนมัสการมาด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
เป็นยถาภูตญาณทัสสนะ
ให้เห็นอย่างนี้ด้วยใจอย่างต่อเนื่อง
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564