ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาครับ ผมขออนุญาตส่งการบ้านครับ
หลายวันมานี้หลวงตาเทศน์เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า มีตัวเราไปดูสังขาร นั่นก็สังขาร นี่ก็สังขาร แล้วไม่พิจารณาว่า ตัวเราผู้ไปรู้ไปเห็นเขาว่าเป็นสังขาร นี่ก็สังขาร
ส่วนตัวผม ผมเข้าใจว่าผมก็เห็นว่านั่น นี่ ที่เกิดขึ้นในใจเป็นสังขาร อย่างที่หลวงตาเทศน์ครับ แล้วมันก็พิจารณาเห็นด้วยว่าผู้เห็นนี่ก็สังขาร บางทีมันพิจารณาเลยไปถึงว่า มันไม่มีอะไรจริงๆ มันเป็นสังขารไปหมด แล้วรู้สึกว่า เดี๋ยวนี้มันไม่ได้อยากเป็นวิสังขารหรือเป็นใจแล้ว
มันรู้สึกว่า ถ้าเป็นวิสังขารแล้วเป็นยังไง เป็นวิสังขารก็คือ ยึดวิสังขาร สุดท้ายต้องปล่อยวางอยู่ดี มันก็เลยไม่สนใจอยากเป็นวิสังขารอีก คงพิจารณาอะไรที่เกิดขึ้นในใจว่าเป็นสังขารเท่านั้น
เวลามันมีอะไรเกิดขึ้นในใจบางทีมันก็พิจารณาว่า อ้อนี่มันสังขาร มันดับไปแล้ว และทุกครั้งเมื่อมีกิเลสเกิดขึ้นในใจแล้วมีสติรู้ทัน มันก็จะพิจารณาว่า มันเกิดขึ้นแล้วดับไปแล้ว ผมรู้สึกว่ากิเลสมันลดน้อยลงไปบ้างแล้วครับ
ผมสงสัยว่ากิเลสที่มันลดลงเกิดจากอำนาจสติไปกดไว้ หรือเกิดจากมันลดลงเหลือน้อยจริงๆ ครับหลวงตา
หลวงตา : มีสติ ปัญญาเห็นถูกต้องตามธรรมแล้ว
กิเลสและความทุกข์บางเบาไปเพราะเกิดจากเห็นความจริงอย่างนั้น
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564