ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตา หลังจากส่งการบ้านครั้งล่าสุด ในวันนั้นใจสงบมาก และได้มีโอกาส ไปถอนคำอธิษฐานอีกครั้ง กับพระพุทธรูปใหญ่ที่ศาลากลางน้ำเจ้าค่ะ เป็นพระพุทธรูปที่สวยงาม สวมเครื่องทรงที่วิจิตร จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าจำลองคล้ายพระพุทธรูปประจำเมืองสวรรค์ ที่ตัวเราเองเคยอธิษฐานสู่พุทธภูมิเมื่อนานมาแล้ว
และการถอนครั้งนี้ให้ความรู้สึกว่า ครั้งนี้จะเป็นการถอนลาความปรารถนาพุทธภูมิเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ น้อมใจสู่ความสงบ และตั้งมั่นใหม่ว่าข้าพเจ้าพร้อมแล้ว ที่จะสลัดคืนทุกสิ่ง ไม่เหนี่ยวรั้งสิ่งใดไว้ แม้กระทั่งตัวเอง ขอให้ความจริงของสังขารทั้งหมด ทั้งความไม่เที่ยง ความไม่มีตัวตน และความทุกข์จงปรากฏให้ข้าพเจ้าเห็น ให้ได้เรียนรู้ เพื่อที่จะยอมรับและปล่อยวางทุกสิ่งตามความเป็นจริง ข้าพเจ้าพร้อมแล้วสำหรับบททดสอบเพื่อเรียนรู้ความไม่เที่ยงของทุกสิ่ง
หลังจากนั้น รู้สึกว่าการปฏิบัติมันดำเนินไปอย่างราบรื่น และเป็นธรรมชาติมาก ๆ การปล่อยวางมันเกิดได้อย่างไม่ลำบากยากเย็นอย่างแต่ก่อนเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
ผู้ถาม : อย่างมีความปวดเกิดขึ้น จากเดิมที่มันไปรู้ความปวด และพยายามจะทำทุกอย่างเพื่อพ้นจากมัน กลับเป็นการยอมรับอย่างไร้เงื่อนไข เออ ปวดก็ไม่เป็นไร ก็แค่หายใจ สักพักมันก็สงบ และเห็นความปวดเป็นธรรมดาได้เอง ไม่มีการดิ้นรนอีกแล้วเจ้าค่ะ
และตอนเช้าเหมือนมันอยากจะพิมพ์การบ้านย้อนหลังส่ง แต่ก็คิดว่าเป็นธรรมเมาไปแล้ว เลยบอกตัวเองว่า เออ ไม่เป็นไร ไม่ได้ส่งก็ไม่เป็นไร อย่าไปเอาสิ่งที่ไม่ได้ส่งมาค้างคาไว้ในใจเลย
แล้วความอยาก ธรรมอะไรที่จะส่ง ก็เหมือนหายไปจากใจเลยเจ้าค่ะ
วันนี้ มันก็ทำงานได้ปกติทั้ง ๆ ที่สถานการณ์มันน่าจะเป็นทุกข์ แต่ไม่มีอะไรทุกข์เลยในความรู้สึก
ไม่มีโลกและธรรม มาค้างคาในใจเลย มันยิ่งกว่าความสงบ มันคือ ไม่มีแม้ความสงบ ไม่มีแม้ความวุ่นวายเจ้าค่ะ
มันรู้สึกเหมือนอะไร ๆ ในโลก มันเป็นธรรมดาทั้งนั้น และรู้ชัดในความธรรมดา และจัดการกับความธรรมดานั้นอย่างเหมาะสมเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
อย่าประมาทในกิเลส
อย่าประมาทในธรรม นะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2562