ผู้ถาม : กราบนมัสการองค์หลวงตาเจ้าค่ะ
หนูไม่รู้ว่าเพราะธรรมบทนี้หรือเปล่า "เราคือธรรมชาติ ธรรมชาติคือเรา" หรือเพราะธรรมอีกบทที่หนูกำลังทำอยู่ก็ไม่ทราบได้เจ้าค่ะ ที่ทำให้มุมมองในใจหนูเปลี่ยนไป เหมือนมันพลิกไปหมดเลย ที่อยู่ ๆ ใจมันก็ยอมรับเองว่า หนูเองนี่แหละที่เป็นคนรู้สึกนึกคิด ๆ ที่ผ่าน ๆ มามันไม่เคยรู้สึกแบบนี้
แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมสิ่งนี้มันกลับกลายเป็นเหมือนลูกกุญแจที่ไขประตูอีกหลาย ๆ บานในคำสอนขององค์หลวงตา ที่หนูเองก็เคยฟังมาเป็นร้อยครั้งพันครั้งในรอบสองปีกว่าๆ ที่ได้มาเป็นลูกศิษย์องค์หลวงตาเจ้าค่ะ
หนูก็ไม่อาจอธิบายมาเป็นคำพูดในความเข้าใจนั้นได้ รู้แต่ว่ารู้ รู้แต่ว่าเข้าใจเพียงเท่านั้น มันไม่ได้อยากจะแจกแจงอธิบายอะไรออกมาเจ้าค่ะ
แต่สิ่งที่ต่างจากภาพธรรมภาพนี้ คือ มันไม่ได้มีสาม หรือมีสอง แต่มันเป็นหนึ่งที่ทั้งรู้ทั้งคิดเป็นหนึ่งเดียวกัน มันไม่ได้แยกเป็นสังขาร มันไม่ได้แยกเป็นวิสังขารหรืออะไรเลยเจ้าค่ะ และมันจะผิดหรือจะถูกก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะมันรู้แก่ใจว่าเดี๋ยวอะไร ๆ นี้มันก็ผ่านไปเปลี่ยนไปเจ้าค่ะ
มันก็แปลกดีเจ้าค่ะ เหมือนมันไม่ใช่หนูที่ผ่าน ๆ มาเลยเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ องค์หลวงตาเจ้าค่ะ
ตอนนี้หนูรู้สึกว่า มันไม่ได้อยากได้หรืออยากแสวงหาความรู้อะไรเพิ่มเหมือนเมื่อก่อน เหมือนมันรู้สึกว่า "พอ" อ่านมั้ย อ่านฟังมั้ย ฟัง แต่มันไม่ได้รู้สึกอยากได้อะไรเพิ่มเหมือนเมื่อก่อนเจ้าค่ะ แต่เดี๋ยวมันก็คงเปลี่ยนไปอีกเจ้าค่ะ ก็คงไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับมันเจ้าค่ะ ตอนนี้มันรู้ว่าของมันต้องเปลี่ยนไป ๆ เท่านั้นเจ้าค่ะ หนูก็เลยไม่รู้ว่าจะเหนื่อยกับการรักษามันไว้ทำไมเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
มันกลับด้านจากโลกมาเป็นธรรม
ที่ผ่านมา เราเอาโลก (สังขารปรุงแต่ง) ไปหาธรรม
ผู้ถาม : เจ้าค่ะ หนูรู้สึกว่าโลกกับธรรม เหมือนหน้ามือกับหลังมือเลยเจ้าค่ะ อยู่คู่กัน ไม่เป็นฝั่งหนึ่งก็เป็นฝั่งหนึ่งอัตโนมัติเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2562