ผู้ถาม : กราบนมัสการองค์หลวงตาเจ้าค่ะ ลูกกราบขอบคุณในความเมตตาที่ลูกสัมผัสได้เสมอ ลูกขอโอกาสกราบเรียนถามเพื่อความกระจ่างในธรรมดังนี้เจ้าค่ะ
ลูกได้ฟังไฟล์เสียงอย่างสม่ำเสมอ ช่วงหลังองค์หลวงตาจะเทศน์เรื่องการพิจารณากาย เน่าเปื่อยผุพัง ให้เห็นเป็นโครงกระดูก ถอดอวัยวะโยนทิ้งคืนสู่ดิน
ลูกพยายามจะน้อมพิจารณาตาม แต่จิตไม่ยอมพิจารณา ไม่สามารถปรุงแต่ง เป็นมโนภาพเกี่ยวกับอสุภะได้เลยค่ะ
แต่เวลาลูกเห็นสภาพศพที่เน่าเละหรือสภาพศพจริงที่เกิดจากอุบัติเหตุ ลูกกลับไม่รู้สึกกลัว หรือขยะแขยง เห็นเป็นธรรมดาของชีวิต
การภาวนาในแต่ละวัน หลังจากฟังธรรมขององค์หลวงตาเป็นเวลา 2 ปี มาแล้ว การดิ้นรนทะยานอยากทั้งทางโลกและทางธรรม อยากได้ อยากมี อยากเป็น น้อยลงไปมากค่ะ
และที่สังเกตเห็นอยู่เสมอคือ จิตไม่ใช่เรา มันปรุงทุกอย่างขึ้นมาเอง เกิดเองดับเอง ตามเหตุปัจจัย เห็นธรรมชาติของสังขารและวิสังขาร แต่สภาพที่จิตปรุงแต่งเป็นตัวตนก็ยังเห็นอยู่เนือง ๆ ค่ะ
ส่วนกาย ลูกไม่เคยพิจารณาอสุภะเลยค่ะ มีแต่ความรู้สึกข้างในบอกอยู่เสมอว่ามีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา
กาย ที่ลูกเห็นอยู่บ่อย ๆ คือ เห็นมือที่ขยับเคลื่อนไหว แต่ไม่มีความรู้สึกว่ามือที่ขยับเป็นเรา เห็นเป็นสิ่ง ๆ หนึ่งที่ถูกรู้ เป็นการเห็นที่ไม่ต้องพิจารณาให้เห็น มันรู้ของมันเอง
ไม่เห็นตัวตนว่าใครที่เป็นคนรู้เห็น แต่มีความรู้สึกว่ารู้อยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนในก้อนกายนี้ ลองหยิกมือ ก็มีความรู้สึกเจ็บ แต่ที่รู้อยู่ข้างใน กลับไม่เจ็บ
ลูกขอกราบองค์หลวงตาเมตตาบอกสอนด้วยค่ะ เพราะเพิ่งฟังไฟล์ “พิจารณากายแก้จิตที่ติดนิ่ง” ที่องค์หลวงตาเมตตาสอนคุณหมอที่ไปติดจิตที่ละเอียดให้กลับมาพิจารณากาย
เมื่อตอนไปกราบที่ปัญจคีรี องค์หลวงตาชี้ให้เห็นว่าลูกก็ยังมีสภาวะไปติดจิตที่นิ่ง อยู่กับความสงบค่ะ กราบขอเรียนถามว่าลูกต้องกลับมาพยายามน้อมพิจารณากายมั้ยคะ กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
หลวงตา : น้อมพิจารณากายไม่ได้ ก็พิจารณาถึงตัวเราจะต้องตายในลักษณะต่าง ๆ เอาบทสวดเกี่ยวกับความตายมาสวดแปลให้ถึงใจก็ได้ เช่น บท “อนิจจา วตสังขารา ....” เป็นต้น ให้รู้เห็นด้วยใจว่า เราตายแล้วจะมีสภาพเป็นอย่างไร ให้น้อมพิจารณาซำ้ ๆ ช้า ๆ ให้เห็นจริงอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2562