ผู้ถาม : วันนี้เดินจงกรมพิจารณากายโดยการม้างกาย แยกชิ้นส่วนต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่ดึงผมออก ขยายภาพให้ชัดเจน ดึงขนทุกอย่างในร่างกายออกมา ถอดเล็บมือ เล็บเท้า ที่ตามมาด้วยเลือดไหลตามโคนเล็บ ใช้คีมดึงฟันถอดรากถอดโคนจนเลือดกลบปาก
ลอกหนังออกทั้งตัวพร้อมน้ำเลือด น้ำเหลือง ไหลตามร่างกาย แล่เนื้อที่ติดไขมัน น้ำเหลือง พังผืด และที่มีเอ็นออกจากกระดูก ควักอวัยวะข้างในออกมา สรุปคือแยกออกทุกส่วนเท่าที่จะทำได้ สุดท้าย เผาทั้งหมดไปจนสลายลงสู่ธาตุดิน
ส่วนกระดูกช้าที่สุด ราดน้ำมันเพิ่มเข้าไปเผา จนกระดูกพรุนแตกออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ จนในที่สุดเป็นผง บางส่วนร่วงลงตามร่องดิน บางส่วนให้พายุพัดไปไกลสุด
ขนเริ่มลุกตั้งแต่เริ่มดึงเนื้อแยกจากกระดูกเกือบหมดทั้งตัวแล้วค่ะ พอกระดูกหายไปขนลุกซู่ขึ้นมาตั้งแต่หัวลามไปทั้งตัว เหมือนขนมันจะยกตัวขึ้นตามไป ก็สำทับมันเข้าไปอีก
จากนั้นก็มาพิจารณาความสกปรกของร่างกายตั้งแต่ภายนอกคือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง และเข้าไปพิจารณาภายในร่างกาย อวัยวะต่าง ๆ มีน้ำเลือด น้ำเหลือง ไขมันต่าง ๆ น้ำดี น้ำมูตร
อาหารที่กินเข้าไปกลายเป็นอาหารใหม่อยู่ในปากไปจนถึงกระเพาะ คลุกเคล้าด้วยน้ำลาย น้ำเสลด น้ำย่อย เชื้อโรคน้อยใหญ่ ผ่านเข้าไปทางลำไส้เล็กจนกลายมาเป็นอาหารเก่าในลำไส้ใหญ่ ทั้งสกปรก ทั้งเหม็น มันก็ขนลุก เลยสำทับไปตามที่ได้ยินหลวงตาสอนลูกศิษย์ค่ะ
บอกมันว่าร่างกายเป็นสิ่งปฏิกูลน่าเกลียด มีแต่ความเสื่อมสลายไปเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ยิ่งสำทับมันก็ยิ่งขนลุกทั้งตัว รู้สึกมีสมาธิต่อเนื่องมากขึ้น พิจารณาไปจนสุดทางคือกระดูกป่นเอาไปทิ้งทะเล
การพิจารณากายบางครั้งมีเสียงอะไรมากระทบหู เห็นจิตที่ไปสนใจแล้วกลับมาพิจารณากายต่อ คือมันจะมีสติ สมาธิมากขึ้นด้วยค่ะ
และถ้าฟังไฟล์เสียงของหลวงตาก็จะดูจิตไปด้วยค่ะ ในระหว่างวันก็จะเพียรรู้สึกกายใจเท่าที่จะทำได้ ยังมีหลงคิดหลงปรุงแต่ง เมื่อไรที่มีสติเหมือนที่พ่อแม่ครูอาจารย์บอกไว้เลยค่ะ ว่าสติเป็นเขื่อนกั้นกิเลส
กราบรบกวนหลวงตาแค่นี้เจ้าค่ะ รายละเอียดที่พิจารณากายมีมากกว่านี้แต่ส่งการบ้านพอสังเขปเจ้าค่ะ ผิดพลาดประการใดขอความเมตตาจากหลวงตาโปรดเมตตาด้วยค่ะ เมื่อก่อนเคยพิจารณาได้ละเอียดกว่านี้ ตอนนี้เหมือนมาเริ่มใหม่ค่ะ
หลวงตา : สาธุ ถูกแล้ว เหลือแต่ความเพียรต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562