ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ ธรรมจากหลวงปู่ฝั้น ที่หลวงตาเมตตาส่งมา ที่ท่านได้กล่าวว่า
"นี่แหละต่อไปพากันให้รวมเข้ามาได้ ถ้าเราไม่รวมนี่ไม่ได้ เมื่อใดจิตเราไม่รวมได้เมื่อใด มันก็ไม่สำเร็จ...."
หลวงตาเจ้าคะ ถ้าจิตเราไม่รวมถึงขั้นอุปจารสมาธิ มันก็ไม่สำเร็จ กราบขอหลวงตาโปรดเมตตาอธิบายด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา : จิตรวมมาเป็นสมาธิในลักษณะต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เรียกว่า จิตรวม (เป็นสมาธิ) ทั้งหมด คือ
ขณิกสมาธิ - จิตสงบอยู่กับสิ่งที่พิจารณาในปัจจุบันขณะได้ต่อเนื่อง แต่ไม่นานมากนัก
อุปจารสมาธิ - จิตสงบอยู่กับสิ่งที่พิจารณาได้ต่อเนื่องยาวนาน จนจิตเห็นอริยสัจธรรม พ้นทุกข์ (นิพพาน) เรียกว่า “ปัญญาวิมุตติ”
แต่จิตไม่รวมเป็นอัปปนาสมาธิ
อัปปนาสมาธิ - จิตรวมเป็นหนึ่งกับสิ่งที่ใช้เป็นเครื่องล่อจิตในปัจจุบัน เป็นเอกัคคตาจิต จนเครื่องล่อจิตดับหายไป แล้วเกิดอาการปีติในลักษณะต่าง ๆ เช่น เกิดอาการขนลุกซู่ ๆ ซ่า ๆ ซาบซ่านไปทั่วตัว กายเบาใจเบาเหมือนลอยขึ้นไปได้
เมื่อปีติดับไปก็เกิดสุข เมื่อสุขดับไปเกิดอุเบกขาฌาน
เรียกกระบวนการในขั้นนี้ ว่า สมถกรรมฐาน
เมื่อจิตถอนออกจากความสงบในแต่ละครั้ง ก็น้อมเห็นความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า จนจิตสิ้นความหลงยึดมั่นถือมั่น พ้นทุกข์ (นิพพาน) กรณีนี้ เป็นเจโตวิมุตติ
ผู้ถาม : หลวงตาเจ้าคะ ทุกคนไม่จำเป็นต้องเข้าถึงอัปปนาสมาธิใช่ไหมเจ้าคะ แต่ต้องถึงอุปจารสมาธิ และความสงบไม่จำเป็นต้องบริกรรมหรือมีเครื่องล่อ แต่สงบอยู่กับธรรมหรือสิ่งที่พิจารณาก็ได้ใช่ไหมเจ้าคะ
หลวงตา : สาธุ เป็นเช่นนั้น
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562