ผู้ถาม : กราบขอโอกาสเจ้าค่ะ ที่องค์หลวงตาได้แนะให้ลูกสังเกตให้ดี ๆ ว่ามีตัวเราเป็นผู้รู้และแอบพึงพอใจอยู่ ลูกสังเกตแล้วเจ้าค่ะ เห็นชัดเจนเลย ยอมรับ น้อมรับชัดเจนแก่ใจว่ามี “เรา” อยู่ ... มีเราเฝ้าดู มีเราเฝ้ารู้ และที่ชัดคือ มีเราบงการอยู่ห่าง ๆ มันซ่อนอยู่เจ้าค่ะ ...
พอลูกสังเกต และพิจารณาที่องค์หลวงตาแนะนำ .... มันกลายเป็น ใจเฉย ๆ คือ ใจมาปรากฏเจ้าค่ะ ลูกก็ดูเฉย ๆ .... ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าลูกต้องทำอย่างไรต่อเจ้าคะ กราบขอความเมตตาเจ้าค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
คือตอนที่ลูกเห็นสภาวะที่ลูกได้กราบเรียน ลูกนั่งเฉยๆ ค่ะ รอคนมาซื้อของ หน้าบ้านก็จอแจ ... ก็พิจารณาตามที่องค์หลวงตาชี้แนะมา ในขณะนั้นที่ลูกเห็นชัดคือ มีความวุ่นวายจอแจของสิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมรอบข้าง แต่ในเรานี้มันนิ่ง เงียบ มันเกิดความว่าง คือรู้ทุกสภาพ แต่มันเงียบต่างจากเดิมค่ะ มันเงียบแต่เด่น ชัด ในความเงียบของมันค่ะ ลูกไม่รู้จะขยายความอย่างไรเจ้าค่ะ คือตอนนั้นมันชัดเจ้าค่ะ
หลวงตา : เงียบ สงัด ก็รู้ว่า เงียบ สงัด … อยู่กับรู้ ไม่ไปอยู่กับความเงียบ ความสงัด
สงบ ก็รู้ว่า สงบ … อยู่กับรู้ ไม่ไปอยู่กับความสงบ
ว่างเปล่า ก็รู้ว่า ว่างเปล่า … อยู่กับรู้ไม่ไปอยู่กับความว่างเปล่า
หากมีจุด หรือ มีต่อมผู้รู้ เป็นอวิชชา
(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
ผู้รู้ ไม่ใช่นิพพาน
นิพพาน เหนือผู้รู้ขึ้นไปจนไม่มีที่หมาย
(หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต)
ไม่ยึดถือเอาผู้รู้มาเป็นของเรา หรือ ไม่หลงยึดถือว่าตัวเราเป็นผู้รู้
ก็เหนือผู้รู้ขึ้นไปจนไม่มีที่หมาย
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2562