ผู้ถาม : กราบองค์หลวงตา ขอโอกาสส่งการบ้านค่ะ
เห็นภาพธรรมที่องค์หลวงตาส่งมาแล้วสะกิดใจดูหลายรอบว่า ทำไมพูดถึง ผู้เสวย แต่ผู้เสวย ผอมมากๆ เหมือนไม่ได้เสวย...
วันนี้เลยพิจารณาว่า ผู้เสวยไปเสวยความไม่มี ความไม่ยึด โดยไม่รู้ตัว ตามนี้ค่ะ
เราจะเอา ไม่รักไม่เกลียด
เราจะเอาตรงกลาง
เราจะเอาไม่มีกิเลส
เราจะเอาไม่ตามกิเลส
มันก็เลยมีผู้เสวยที่จะเอาการไม่เสวย
พอมันเสวยการไม่เสวยแล้ว
มันก็ไม่เห็นอิ่ม... พอไม่อิ่มมันเลยมาบ่นว่า อะไรกัน เราไม่เสวยการไม่เสวยแล้วนะ ทำไมเราไม่อิ่มเนี่ย...
ก็เรากินอากาศ เรากินอารมณ์เฉย เรากินความกลาง เรากินของไม่มีน้ำหนัก ไม่หนักท้อง เราปฏิเสธของหนักท้อง ทั้งสุขและทุกข์ เราไม่ได้แค่รู้มัน แต่เรามีเลือกกิน ของหวานไม่เอา มันไม่เอา เอาของไม่หวาน ไม่มัน เราเลยได้แต่รสจืด เหมือนน้ำล้างชามก๋วยเตี๋ยว
ทีนี้มันก็เลยบ่นว่าทำไมมันไม่ได้กินอร่อยเลย หิวจะแย่แล้ว มันไม่เอาแล้ว ไม่สนุกแล้ว กินแต่น้ำล้างชามก๋วยเตี๋ยว
...
มีความสุขได้ มีความสนใจได้
มีความชอบหรือไม่ชอบได้ มันเป็นพลังงานส่วนหนึ่งของชีวิต แค่คุณไม่ถือว่ามันเป็นของใคร ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป อย่าปิดกั้นตนเองจากความสุข อย่ารังเกียจความสุข เหมือนเด็กที่พ่อแม่ห้ามอย่างนู้น ห้ามอย่างนี้ เด็กจะโตมาไม่มั่นใจ ไม่มีความสุข อยู่แต่ความกลัว
เรากลับกักขังเด็กน้อยไม่ให้เขาเรียนรู้อย่างอิสระ
ให้เค้าหยิบจับอย่างอิสระ แค่เขารู้ว่า การหยิบจับนั่นมันเป็นธรรมชาติที่ต้องวางไว้ ธรรมชาติที่ยึดไม่ได้ เป็นกลไกธรรมชาติ ร้อนแล้วเขาวางเอง
เรามีกฎไว้เพื่อไม่ได้มันร้ายแรง แต่ถ้าหยิบจับตามประสาเด็ก เราก็ปล่อยมันไป ให้เค้าได้เรียนรู้อย่างอิสระ เราแค่สร้างพื้นที่ให้เขาให้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ เรียนรู้จากข้อผิดพลาด หกล้มหกลุก แล้วเด็กจะฉลาดเอง
ข้อสำคัญคือให้เรียนตามความสนใจ ความสนใจไม่ใช่กิเลส ไม่ใช่ตัณหา ถ้าบังคับเรียน เด็กจะเครียด จะเบื่อ ต้องหาเครื่องล่อที่ถูกใจให้เด็กเล่น
หากมีข้อผิดหลงประการใด กราบขอขมาองค์หลวงตา และขอบพระคุณองค์หลวงตาที่เมตตามาตลอดด้วยค่ะ
หลวงตา : สาธุ พัฒนาเร็วมาก
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2562