ผู้ถาม : หลวงตาครับ รู้จากวิญญาณขันธ์ ซึ่งเป็นการทำงานตามธรรมชาติของขันธ์ห้า และรู้จากวิญญาณธาตุหรือจิตเดิมแท้ ซึ่งมารู้การทำงานของขันธ์ห้าอีกที ซึ่งรู้จากจิตเดิมแท้นี้ ถ้าไม่ยึดว่าขันธ์ห้าเป็นเรา ก็จะเป็นรู้ที่บริสุทธิ์
แสดงว่าการรับรู้แต่ละครั้งของทุกคนมีการทำงานของรู้สองอย่างพร้อมกันใช่ไหมครับหลวงตา
หลวงตา : รู้ที่เป็นวิญญาณขันธ์ในขันธ์ห้า จะมีเจตสิก คือ เวทนา สัญญา สังขารเข้าประกอบทุกดวง ดังนั้น รูป เวทนา สัญญา สังขาร จึงไม่เที่ยง เกิดดับ
ส่วนวิญญาณธาตุ ธาตุรู้ ใจ หรือจิตเดิมแท้แม้จะมีอยู่เดิมแล้ว แต่ยังไม่บริสุทธิ์ เพราะมีอวิชชาห่อหุ้มอยู่ จึงไม่ปรากฏความรู้ที่บริสุทธิ์ที่ไม่เกิดดับ เพราะมีความหลงยึดถือขันธ์ห้าเป็นตัวตน เป็นเรา ตัวเรา ของเรา มาบังใจหมด ทำให้จิตตสังขาร วาจาสังขาร กายสังขารทุกปัจจุบันขณะออกมาจากอัตตาเสียทั้งหมด
เมื่อสิ้น “อวิชชา” ใจ หรือ จิตเดิมแท้ หรือ วิญญาณธาตุ หรือ ธาตุรู้ จึงเป็นความรู้ที่บริสุทธ์ ไม่เกิดดับ
ส่วนรูปนาม หรือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งเป็นสังขาร จะเกิดดับในใจหรือจิตหรือธาตุรู้ที่บริสุทธิ์ ซึ่ง
ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา
ไม่ใช่ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาศ
ไม่ใช่อรูปฌาณ
เป็นความรู้ที่ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปลักษณ์ ไม่มีเครื่องหมาย
ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการหยุดนิ่ง
ไม่มีการเกิดดับ ไม่อาจถูกทำลายได้
เป็นอมตธาตุ อมตธรรม
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562