ผู้ถาม : กราบเรียนองค์หลวงตาเจ้าค่ะ
ช่วงที่ได้ทำ workshop เป็นช่วงที่ได้เห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในขันธ์ห้าเจ้าค่ะ มันเป็นธรรมชาติที่ปรากฏตัวให้เห็นได้ รู้ได้ เพราะมันคือของมีอยู่
หากแจ้งในกองขันธ์ห้าไปตามลำดับแล้ว ขันธ์ห้ามันสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เยอะ ถ้ารู้จักวิธีที่จะ ใช้มัน ไม่เป็นทาสมัน และไม่ยึดมัน…
หากจะดึงเอาบุญบารมีที่ได้ "สะสมไว้เอง" มาทำประโยชน์ จะต้องเป็น "ใจที่ไม่ปรุงแต่ง" เท่านั้น ประโยชน์สูงสุดจึงจะเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็น "บุญกิเลส" ไปหมดสิ้น
สังเกตเห็นจิตตสังขารปรุงแต่งมันทำงาน สติปัญญาไหวพริบมันทำงาน แบบไม่มีฐานที่ตั้งเจ้าค่ะ แม้จะไม่ใช่ตลอดเวลา... แต่มันก็รู้ด้วยว่าตอนไหนที่ "สังขาร" นำหน้า "รู้"
รู้ กับ สังขาร เค้าทำงานอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
แต่ทั้งหมด... มันไม่ใช่ "เรา"
มันแสดงให้เห็นว่า "รู้" ที่นำหน้า แล้วอาศัย "สติปัญญา" ของขันธ์ห้าตามหลัง มันเป็นสิ่งที่ "ผ่าน" ออกจากใจโดยอัตโนมัติ โดยไม่มีอะไรเก็บกักไว้ flow ไปตลอด และเป็นไปตาม "เหตุแห่งธรรม" หากขณะจิตนั้นไม่มีตัณหาต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
การเรียนรู้จากความจริงที่ปรากฏเป็นประสบการณ์ตรงที่ไม่มีในตำราจริง ๆ เจ้าค่ะ
ความจริงนั้นจะกลับมาสอนจิต จนจิตยอมจำนนต่อความจริง และค่อย ๆ "เป็นจริง" โดยไม่ต้องบอกสอน
ความยึดมั่นถือมั่นที่คลายลง จนสิ้นความหลงยึดถือ เป็นผลจากการเห็น "ความจริงในความจริง" ที่ใจ... โดยแท้
สุดท้ายคือ… เพียรให้จิตเห็นความจริง
ไม่ใช่เพียรไปเพื่ออะไร กับ อะไร
ไม่ใช่เพื่อไป "เอา" อะไร
แต่... "ละ" หมดทุกสิ่ง … สิ้นอาลัย
เหมือนมันแห้งแล้งแบบจืด ๆ แต่มันคือผลที่เกิดจากการไม่แสวงหาคำตอบใด มันจะเป็นอย่างไร มันก็เป็นของมันเช่นนั้นเองเจ้าค่ะ
หลวงตา : ผู้ให้ธรรมแท้ ย่อมเป็นธรรมแท้
เป็นปัจจัตตัง
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2562