ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณองค์หลวงตาในความเมตตาสุดประมาณ... มิอาจใช้สังขารวิบากนี้กล่าวอะไรได้ ศิษย์ซาบซึ้งแล้วเจ้าค่ะ... เมื่อ "ถึงใจ" ก็ไม่มีอะไรพูด... เมื่อซึ้งแก่ใจ ไยต้องกล่าว... ผู้รู้ไม่พูด ผู้พูดไม่รู้...
เหลือก็แต่เพียรยิ่ง ๆ ขึ้นไป แต่ไม่มีผู้เพียรเจ้าค่ะ เหมือนที่องค์หลวงตาเมตตาบอกว่า... "ให้เป็นความบริสุทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะ" ศิษย์น้อมรับทุกคำตักเตือนใส่เกล้า... ไม่ประมาทในโลกและไม่ประมาทในธรรม... ประมาทไม่ได้เลยเจ้าค่ะ
ขึ้นชื่อว่า… การเวียนว่ายในสังสารวัฏอันหาต้นไม่ได้หาปลายไม่เจอ... ผู้ไม่เคยประมาทพลาดพลั้งย่อมไม่มี... วิบากกรรมที่เหล่าสัตว์ผู้ยังข้องอยู่เป็น "กรรมของวัฏฏะ" แท้ ๆ ไม่มีกรรมของผู้ใดเลยเจ้าค่ะ เมื่อเห็นโทษเห็นภัยอย่างถึงใจแล้ว... การปฏิบัตินับจากนี้ไป... ใจมันจึงรู้แก่ใจเองว่าอะไรเป็นอะไร
ขอน้อมถวายการปฏิบัติบูชาที่มีมาแล้วในสังสารวัฏอันยาวนานจนถึงปัจจุบันนี้ และที่จะได้เพียรต่อไปด้วยความไม่ประมาทนี้... ถวายบูชาคุณองค์หลวงตา พ่อแม่ครูอาจารย์ที่เคารพสูงสุดเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ ธรรมชาติของใจหรือจิตเดิมแท้ หรือ ธรรมธาตุที่บริสุทธิ์ สงบ… สงัด… เงียบกริบ....
ส่วนขันธ์ห้าที่ยังไม่ตายแตกดับ ก็คงดำเนินของเขาไปอย่างเป็นอิสระในท่ามกลางความสงบ.... ความสงัด.... ความเงียบกริบ.... โดยไม่มีตัวตนของผู้หลงยึดมั่นถือมั่น.... ก็แค่รู้ หรือ แค่สักแต่ว่ารู้ โดยไม่มีตัวตนของผู้ยึดถือ
เมื่อสิ้นตัวตนของผู้ยึดถือ ก็รู้ว่า.......
บัดนี้ สิ้นผู้ยึดถือแล้ว การเกิดใหม่อีกไม่มี
ภพชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
ผู้ถาม : (น้ำตาล้างอวิชชา... เจ้าค่ะ)
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
พุทธะปูชา ธัมมะปูชา อริยสังฆะปูชา อาจาริยปูชา ปฏิปัตติปูชายะ...
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2562