ผู้ถาม : อยากถามว่าขณะบรรลุธรรมตอนนั้นจิตผู้รู้ดับไปด้วยไหมครับ ผมเคยเจอปรากฏการณ์ลักษณะนี้ขณะเดินจงกรม เห็นจิตเกิดดับเป็นส่วน ๆ ทางอายตนะ
ทีนี้พอมันรวมกำลัง ความรับรู้ทางอายตนะก็ดับไปไม่รับรู้ในชั่วขณะจิตเดียว จากนั้นจิตก็เกิดใหม่สว่างโพลง เปรียบเหมือนฟ้าแลบเงียบในตอนกลางวัน
เวทนาหายไปหมด ใจสว่างโพลง เห็นโลกทั้งใบเป็นพลังงานเป็นเนื้อเดียวกัน อาการนี้เป็นอาการขณะบรรลุมรรคผล หรือ อาการที่เกิดจากจิตเข้าสมาธิตามธรรมดาครับ
หลวงตา : เป็นลักษณะจิตรวมในขั้นสมถะ ซึ่งยังอยู่ภายใต้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เมื่อยังมีคำถามเพราะยังไม่สิ้นสงสัย ยังอยู่ในขั้นสงสัยอยู่ คือเป็นสมาธิเฉย ๆ
ให้อาศัยความสงบนั้นเป็นบาทฐาน ไม่ให้ยึดติดยึดถือสมาธิ ไม่ยึดติดทั้งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณในขันธ์ห้าไปเรื่อย ๆ เช่นนี้จึงเป็นขั้นวิปัสสนา
เมื่อเดินวิปัสสนาจนเต็มรอบ จะเกิดการรวมกำลังของสติ-สมาธิ-ปัญญาที่แก่กล้าเรียกว่า “มัคคสมังคี” ขณะนั้นจะเกิดมีปัญญาญาณที่มีกำลังแรงอย่างถึงใจนำมาก่อน แล้วต่อจากนั้นจิตจะหยุดปรุงแต่งชั่วคราว ธาตุ-ขันธ์-อายตนะไม่มี อาสวะ (ม่านกลางใจ) จะถูกแหวกออก ธรรมชาติจะรวมเป็นหนึ่ง
หลังจากนั้นจะกลับคืนสู่ความเป็นปรกติ คือ ธาตุ-ขันธ์-อายตนะจะกลับมา แต่ความรักในตัวเองและความยึดมั่นถือมั่นในตัวเองจะน้อยลงไปมาก ส่งผลให้ความทุกข์ลดน้อยลงไปมากเช่นกัน
เมื่อเห็นความจริงถึงขั้นนี้แล้ว จะสิ้นสงสัยและหมดคำถาม
แม้นิพพานแล้วก็ยังมี “รู้” คือ รู้ว่านิพพานแล้ว รู้ว่าสิ้นยึดจึงนิพพาน รู้ว่านิพพานก็ไม่มีผู้ยึด “รู้” จึงไม่ได้หายไปไหน “รู้” มีอยู่ตลอด เจ้าตัวจะรู้ได้ด้วยตนเอง เอวัง
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562