ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตา
อยู่ๆ มันก็เห็นว่า ทุกสิ่งเป็นธรรมชาติที่เป็นกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น เช่นเดียวกับการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย ที่เป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านของชีวิต
การเปลี่ยนผ่านของสภาวะธรรมภายในใจ ก็เช่นเดียวกัน
เมื่อคนแก่ ก็ต้องหยุดทำงาน เพราะทำไม่ไหว
เมื่อคนอิ่ม มันก็ต้องหยุดกิน เพราะกินไม่ไหว
สภาวะภายในใจก็เหมือนกัน พอมันเห็นความจริง มันก็เหมือนอยากจะพอของมันเอง มันอิ่มแล้วกับการหมุนเข้าไปในโลก หมุนเข้าไปจะเอาอะไรๆ ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะทำให้มันหยุดหมุน แค่มันพอแล้วที่จะหมุนต่อเท่านั้นเอง
พอมันหยุด จึงพบว่า ทุกสิ่งมันก็แค่นั้น แค่นั้นจริงๆ
ใช่ที่ว่าโลกเป็นของทุกข์ แต่ทำไมมันกลับเห็นว่า ความทุกข์ทั้งหลายในโลก มันเป็นของธรรมดา มันทุกข์ก็ของมัน เกิดมาเดี๋ยวมันก็โดนบีบคั้นจนหายไปเอง
ทุกสิ่งก็เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ โลกมันเงียบมากๆ
ลูกมองไปเห็นต้นไม้ มันช่างชัดเจนในรายละเอียด เห็นโดยไม่ต้องมอง และรู้สึกว่า ต้นไม้นี้ผ่านอะไรมามาก มันเปลี่ยนแปลงมามากมายแล้ว และมันรู้สึกว่าธรรมชาตินี้มันช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน และมันแสดงความจริงตลอดเวลา
บางทีมันก็เงียบมากจนสงัด เหมือนไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลยเจ้าค่ะหลวงตา เงียบจนสงสัย ว่ามันเป็นวันสุดท้ายของโลกหรือเปล่า
หลวงตา : ธรรมชาติ
ในความเงียบมีความเคลื่อนไหวหรือเสียงดัง หรือ
ในท่ามกลางความเคลื่อนไหวหรือเสียงดัง มีความเงียบ
ไม่มีผู้หลงไปกับความเคลื่อนไหวหรือเสียงดัง และ
ไม่มีผู้ยึดความเงียบ
แล้วจะพบ “สัจธรรม” ว่า ธรรมชาติภายในร่างกาย และ จิตใจ กับ ธรรมชาติภายนอก เป็นอย่างเดียวกัน คือ ความเคลื่อนไหว(สังขาร) ย่อมเกิดดับอยู่ในธรรมชาติที่ไม่เกิดดับไม่ปรากฏอะไร(วิสังขาร)
ทั้งสังขารและวิสังขาร ไม่ใช่ตัวตนคงที่ ไม่ไช่เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา ความจริงของธรรมชาติเป็นเช่นนั้นเอง(ตถตา)
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2563