ผู้ถาม : กราบนมัสการท่านพระอาจารย์เจ้าค่ะ
โยมขอกราบเรียนถาม เรื่องการพิจารณากายของตัวเองนิดนึงเจ้าค่ะ คือว่า ตอนนี้เวลาพิจารณากาย จิตมันชอบไปพิจารณา "การไม่มีตัวเรา" แต่ไม่ใช่ความตายเน่าเปื่อยพุพัง แบบนี้จะถือว่ายังอยู่ในขอบเขตที่ควรปฎิบัติไหมเจ้าคะ
ความหมายคือ ขณะพิจารณาความตาย ให้เห็นกายเน่าเปื่อยพุพังอย่างเมื่อตอนแรกๆ ที่เคยทำมา มันจะวิ่งออกไปเชื่อมโยงการพิจารณา "การไม่มีตัวตน" ทางอื่นด้วย เช่น
- เห็นกายทำงานอัตโนมัติเอง คือ ทำงานเอง เป็นเอง โดยดูจากลมหายใจที่เข้าออกเอง หัวใจที่ทำงานเอง แล้วเชื่อมโยงความเป็นอัตโนมัติว่าไม่ใช่ตัวเรา เพราะมันทำเอง เกิดเอง
- เวลาเจ็บเท้า เพราะเดินนานๆ ความเข้าใจมันก็เห็นว่า เป็นเองตามขบวนการเหตุและปัจจัยที่เกิดขึ้นในกายเอง บังคับบัญชาไม่ได้ คือ มันจะเจ็บขึ้นมา มันก็เรื่องของมัน ไม่ใช่เรา เพราะมันเป็นเอง ทำเอง
- จากข้อ 1.และ 2. มันเชื่อมความเกิดขึ้นของร่างกาย ที่เกิดเอง ทำงานเอง ว่ามาจากออเดอร์ของกรรม เพราะกรรมจึงทำให้มีขันธ์ 5 ขึ้นมา และกรรมที่ต่างกัน จึงได้ผลลัพธ์ของขันธ์ที่ต่างกันด้วย เพราะฉะนั้น ทุกชีวิตที่เกิดมา ล้วนต้องเกิดมาตาม "ออเดอร์ของกรรม" คือ กรรมเป็นผู้บงการให้มีชีวิตขึ้นมา คือ มีขึ้นมาเพื่อเสวยกรรม!! ไม่ได้เป็นตัวเป็นตนของใคร มีมาๆๆๆ แล้วก็ไป แบบนี้เรื่อยไป
- เชื่อมโยงถึงการทำงานของจิตที่ต้องมาควบคุม การรับรู้การทำงานของกายอีกทีว่า จิตมันเป็นผู้รับรู้การทำงานของกาย เพราะกายรู้ตัวเองไม่ได้ เมื่อจิตต้องรับรู้การทำงานของกายนั้น เมื่อกายทำงานเอง เป็นเอง เช่น เจ็บขึ้นมาเอง แล้วมันก็หายเอง จิตก็แค่รับรู้ตามขบวนการที่เกิดขึ้นนั้นๆ แบบอัตโนมัติ เหมือนหุ่นยนต์เลย ไม่เห็นเป็น ตัวเรา ตรงไหน เล่นกันเอง ทั้งกายและจิต !!!
- พิจารณาเพิ่มขึ้นอีก 1 ขา เดิมพิจารณาเฉพาะขาลง คือตัวเราที่มีอยู่ตอนนี้ กำลังอยู่ในช่วงขาลงเพราะ กำลังจะตาย เชื่อมกับตายแล้ว เน่าเปื่อยพุพัง สลายกลายเป็นธาตุตามธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ แต่เพิ่มอีกขาในการพิจารณาคือ ฝั่งขาขึ้นมา ตั้งแต่ไม่มีตัวเรา แล้วมีขึ้นมาได้อย่างไร คือ พิจารณา จาก ไม่มี สู่มี แล้วกลับสู่ความไม่มี เหมือนเดิม สรุปคือ สุดท้าย ไม่มีอะไรเลย ว่างเปล่า ไร้ตัวตน
จิตมันชอบวิ่งออกไปแบบนี้แหละเจ้าค่ะ พอพิจารณา ขึ้นอืด เห็นอวัยวะ เส้นเลือดภายในกาย อยู่ดีๆ เพื่อจะให้เห็นภาพ เน่า เหม็น พุพัง มันจะต้องวิ่งออกไปพิจารณาอย่างที่เรียนให้ทราบเจ้าค่ะ หลายครั้งโยมเหมือนต้องพยายามสลัดความคิดข้างบนทิ้ง เพราะรู้สึกว่าเราควรโฟกัสเฉพาะการเห็นการตาย เน่าเปื่อยพุพังเท่านั้น ไม่ทราบว่าโยมทำถูกไหมเจ้าคะ กลัวผิดแล้วเสียเวลาเจ้าค่ะ
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์มาด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ รบกวนท่านอีกแล้ว
หลวงตา : ที่รู้เห็นเข้าใจอย่างนั้นถูกแล้ว ให้ต่อเนื่องไม่ขาดสาย
มันเป็นวาสนาบารมีเฉพาะตนบังคับให้ต้องมีรู้ ความเข้าใจถึงใจด้วยความแตกฉานในสติปัฏฐานทุกหมวด คือ
กายในกาย
เวทนาในเวทนา
จิตในจิต
ธรรมในธรรม (เข้าใจแตกฉานในพระสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกเรื่อง เชื่อมโยงถึงกัน เห็นว่าธรรมทุกเรื่องที่เกื้อกูลกันเพื่อให้เห็นสัจธรรมความจริงในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีการขัดกัน)
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2563