ผู้ถาม : วันนี้โยมทราบว่าเพื่อนเอาชื่อเราไปทำธุรกรรมบางอย่าง โยมโกรธมาก เห็นตัวโทสะอัตตาของตัวเองออกมาชัดเจน มันมีตัวเรา ชื่อเราของเราและตัวเขา
ตัวตนนี้เป็นตัวตนที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งโตยิ่งอัตตาแรง เสร็จแล้วก็มีตัวพูดตัวพากษ์ที่วิพากษ์ตัวเองว่า ควรโกรธหรือไม่ควรโกรธ และในที่สุดก็มีการตกลงว่าให้อภัยเขา
ทั้งหมดนี้โยมเข้าใจว่ามันคือสังขารทั้งหมด แต่มีตัวหลังท้ายที่สุดที่นิ่งรู้อยู่เฉยๆ และมันก็มีความรู้สึกอยากเป็นรู้เฉยๆ อย่างนี้
โยมควรอยู่กับรู้เฉยๆ ตัวหลังนี้ใช่ไหมเจ้าคะ เพราะมันจะรู้แบบเบาๆ ไม่หนักแน่นเอาเป็นเอาตายอย่างอัตตาที่อยู่ด้านหน้าเลย
หลวงตา : ตัวหลังก็ไม่ใช่ตัวเรา มันเป็นสังขารปรุงแต่ง
ผู้ถาม : ตอนแรกที่เห็นโยมเข้าใจว่า เป็นตัวบงการที่ดิ้นรนกระเสือกกระสนอยากได้อยากมีเป็นอัตตาที่ชัดเจน ส่วนตัวหลังที่ไม่มี action อะไรเลยนั้น ถ้าวางมันจะไม่มีอะไรให้ยึดเป็นวิหารธรรม มันจะโหวงเหวงไม่มีอะไรเลยใช่ไหมเจ้าคะ เหมือนตกขอบอย่างไรไม่ทราบเจ้าค่ะ
หลวงตา : อยู่กับรู้แก่ใจว่าสิ้นความยึดมั่นถือมั่น เพราะไม่มีตัวตนของผู้ยึดมั่นถือมั่น
เพราะไม่มีอะไรที่เป็นสาระแก่นสารให้ยึดมั่นถือมั่นได้ตลอดไปจริง
แม้แต่ตัวเราผู้ยึดมั่นถือมั่น ก็ไม่อาจยึดมั่นถือมั่น ไม่ให้แก่ไม่ให้เจ็บไม่ให้ตายไปได้
จึงสิ้นตัวตนของผู้ยึดมั่นถือมั่น สิ้นผู้เสวย สิ้นกิเลส พ้นทุกข์ นิพพาน ไม่มีตัวตนยึดนิพพาน “รู้” ว่านิพพานแล้ว
อยู่กับ "รู้" นี้
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563