ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะหลวงตา
กลับมาเผลอมีตัวตนจริง ๆ เมื่อไหร่ ไม่ว่าจะไปทำอะไร หรือรับผลใดก็ตาม มันทุกข์ขึ้นมาทันทีเลยเจ้าค่ะ บางครั้งมันก็หายไปเอง เมื่อมีสติรู้ว่าหลง แต่ถ้าอาการหนัก (เริ่มฟุ้งซ่านจริง ๆ ) ก็อธิษฐานน้อมให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เข้าสวมลงที่ใจ มันก็จะหายฟุ้งเลยเจ้าค่ะ (ถ้าหนักมาก ก็ไปอธิษฐานในน้ำ ฟุ้งยังไงมันก็ต้องกลับมาอยู่ตรงหน้า ตอนที่กำลังจะหายใจไม่ออกเจ้าค่ะ)
ถ้ามีสติขึ้นมาแล้ว จึงสามารถรู้ความปรุงแต่งในใจได้ และรู้ได้ว่าเมื่อกี๊หลงอะไรไป แต่ถ้าไม่หยุดฟุ้ง (ถึงแม้จะฟุ้งในธรรมก็ตาม) มันจะไม่สามารถพ้นทุกข์ด้วยสติปัญญาได้เลยเจ้าค่ะ
หลวงตา : ยังยึดว่า....
ตัวเราหลง
ตัวเราไม่หลง
พยายามไม่ให้ตัวเราหลง
มันเป็น "อวิชชา" ซ่อนเร้นอยู่ในใจ แล้วไม่รู้เท่าทันมัน จึงโดนมันหลอก
ผู้ถาม : เจ้าค่ะหลวงตา มันจะเอาความพ้นทุกข์ให้ตัวเองอยู่ มันกลัวว่าตัวเราจะเป็นทุกข์ และเอาความพ้นทุกข์มาให้ตัวเรา ตัวเราจะได้ไม่ต้องไปเป็นสังขารให้เป็นทุกข์อีก
แต่มันไปทำอะไรก็ไม่ได้เลยเจ้าค่ะ ทำอย่างไรก็ไม่ได้ ตอนแรกเข้าใจว่ามีสติเท่าทันความหลงก็ได้แล้ว แต่พอหลวงตาบอก กลับกลายเป็นทำอะไรไม่ได้เลยเจ้าค่ะ ได้แต่รู้ แต่จะไปทำให้รู้ ก็ไม่ได้อีก
ตัวที่ยึดสติ ยึดความรู้เท่าทัน มันละเอียดมากเจ้าค่ะ ไม่มีผู้ชี้ คือไม่เห็นเลยเจ้าค่ะ เพราะเข้าใจว่าไม่ทุกข์แล้ว มันไม่อาจไปต่อได้เลยจริง ๆ เพราะมันก็ไม่เห็นความจำเป็น มันจะหยุดตรงนี้เลยเจ้าค่ะ ไม่เอาอะไรอีก ก็จะคาอวิชชาอยู่ตรงนี้เลย
แต่พอหลวงตาชี้ ยังมีซ่อนอีก
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2563