ผู้ถาม : ขอนอบน้อมกราบองค์หลวงตาเจ้าค่ะ
สักครู่นี้โยมฟัง “อย่าทิ้งโยนิโสมนสิการ” ตอนต้นๆ องค์หลวงตาพูดว่าผู้ปฏิบัติต้องเห็นตนเองผู้พากษ์ผู้บ่น (จิตสังขาร) เกิดขึ้นและดับไป “ยังกิญจิ สมุทยธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ” สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดย่อมดับไปเป็นธรรมดา คือธรรมขั้นพระโสดาบัน
ส่วนธรรมะขั้นพระอรหันต์คือเห็นสิ่งเกิดดับ เกิดขึ้นและดับไปในสิ่งที่ไม่เกิดดับ คือเห็นสังขารปรุงแต่งเกิดขึ้นจากความไม่มีอะไร แล้วดับกลับคืนไปสู่ความไม่มีอะไร และไม่มีผู้ยึดถือสังขาร ไม่มีผู้ยึดถือวิสังขารเป็นนิพพาน
มันต่างกันนิดเดียวแต่ธรรมคนละชั้น ชัดเจนมากเจ้าค่ะองค์หลวงตา เพราะในระยะนี้โยมกำลังสังเกตสังขารเกิดดับในใจนี้อยู่เจ้าค่ะ คือปล่อยให้สังขารเกิดดับในวิสังขาร (ที่ไม่มีอะไรเลยแต่รู้) โดยไม่ไปยึดทั้งสองอย่าง
มันโดนใจ มันเจื๊อกที่ใจ ใจสั่นหวิวๆ คล้ายจะเป็นลม ขณะเขียนยังเป็นอยู่เจ้าค่ะ สิ่งที่ทำอยู่เป็นการเดินอริยมรรค อริยผลจะเกิดขึ้นมาเอง โยมปฏิบัติมาถึงขั้นนี้แล้ว? โยมมีอคติสี่ คือเข้าข้างตัวเองไหมเจ้าคะองค์หลวงตา สาธุ
กราบขอบพระคุณในพระเมตตาขององค์หลวงตาเจ้าค่ะ ขอน้อมกราบด้วยเกล้า
หลวงตา : อย่าลืมปล่อยวางตัวเราผู้เห็นสังขารเกิดดับในความไม่เกิดดับ (วิสังขารด้วย) จึงจะสิ้นตัวเราผู้รู้เห็นสังขารเกิดดับในความไม่เกิดดับ
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563