ผู้ถาม : กราบในธรรมค่ะ
เข้าใจหลวงตามากขึ้นมากๆ มาระยะหนึ่งค่ะ ว่าทำไมหลวงตาพยายามชี้ ย้ำเน้น เค้นให้เห็นเรื่องของ “ความว่างที่เป็นมโน” กับ “ว่างแบบสิ้นยึด” ค่ะ
หนูว่าผู้ปฏิบัติจะ “เอ๊ะเอง” นะคะ เพราะว่า “ว่างแบบมโน” มันจะมีอะไรมาสะกิดให้รู้ค่ะว่าถ้า “ว่างแบบมโน” มันจะยังมีการรับรู้ทุกข์สุขได้อยู่ (คำหลวงตา = ผู้เสวยอารมณ์)
แต่ “ว่างแท้จากความสิ้นยึด” ไม่มีธรรมคู่เลยค่ะ ต่อให้เป็นสุขแบบขั้นสูง มันแค่รับรู้แล้วอุเบกขาเองเลยค่ะ (ตรงนี้ละเอียดยิบๆ เหมือนความละเอียดของธรรมเลยค่ะ)
กราบขอบพระคุณนะคะ “ผู้ทรงธรรม” “ยุติธรรม” “อคติ 4” “สุจริต 3” และ “ทุจริต 3” ทุกอย่างเป็นธรรมในสายงานผู้พิพากษาทุกๆ ขณะเลยค่ะ พิจารณาธรรมได้ในงานแบบต่อเนื่องเลยค่ะ
หลวงตา : ไม่บวชแต่ใจเป็นธรรมเท่ากับเป็นพระแล้ว เป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์
แต่ถ้าห่มผ้าเป็นนักบวช แต่ใจเป็นโลก ไม่ใช่พระสาวกของพระพุทธองค์ เพราะพุทธเจ้าตรัสว่า สาวกของพระองค์มีแปดจำพวก ตั้งแต่พระโสดาปัตติมรรค เป็นต้นไป
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563