ผู้ถาม : กราบนมัสการท่านพระอาจารย์เจ้าค่ะ
โยมมีคำถามอยากกราบเรียนถามท่านพระอาจารย์ว่า ในไฟล์ที่ฟังเมื่อเช้าเรื่อง ธรรมที่อาศัยเป็นเรือข้ามฟากนั้น การที่ท่านบอกว่า ให้สังเกตดูว่าให้อยู่กับใจที่ไม่สังขาร ไม่หลงเป็นสังขารที่เกิดดับนั้น
หมายถึงการอยู่กับใจแท้ ที่เป็นสภาวะเอโกธัมโมเลยใช่ไหมคะ และถ้าตราบใดที่ยังเห็นเป็นสภาวะของคู่อยู่ก็แสดงว่า ยังไม่พบใจแท้หรือเปล่าคะ
ในแง่ปฏิบัติจริงโยมไปเข้าใจว่า การเห็นและรู้เท่าทันการเกิดดับของสังขารก็คือสิ่งเดียวที่ทำได้ พอมีสังขารเกิดแล้ว รู้เท่าทันไม่ไปยุ่งกับมัน เดี๋ยวมันก็ดับเองก็ทำได้แค่นั้น แล้วนี่ก็คือกินกับธรรม นอนกับธรรม ก็ฝึกไปแบบนี้จนกว่าจะพบสภาวะเอโกธัมโมเพื่อเริ่มต้นเข้าสู่กระแสพระนิพพาน แต่ฟังที่ท่านพระอาจารย์พูด เหมือนกับว่าการเห็นสภาวะคู่มันก็คือยังไม่พบใจ แต่โยมเข้าใจว่าสภาวะคู่ โดยไม่หลงเป็นสังขาร มันก็ถูกต้องแล้วคือพบใจแล้วเพราะเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ และในชีวิตประจำวันก็ให้อยู่โดยไม่หลงเป็นสังขาร จนเมื่อสภาวะเป็นหนึ่งเกิดขึ้นก็จะยกระดับเป็นอยู่กับรู้อีกที กราบเรียนขอความเมตตาชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา : ไม่ใช่ต้องคอยตั้งรู้สังขารที่เกิดดับในใจ แต่ใจเค้ารู้สังขารที่มาปรากฏในใจเอง โดยใจไม่มีเจตนาที่จะไปรู้สังขาร
เปรียบเหมือนเงาสะท้อนของรูปนามที่มาปรากฏในกระจกเงาใส หรือใจ
สังขารเปรียบเหมือนเงาของรูปนามที่ปรากฏในกระจกเงาใส กระจก หรือใจจึงรับรู้สังขารนั้น โดยที่กระจกเงาใส หรือใจไม่ได้เคลื่อนเข้าไปหาสังขาร แต่เงาของสังขารมาปรากฏที่กระจก หรือใจเอง
ใจเป็นธรรมชาติที่ไม่มีรูปลักษณ์ เป็นวิสังขาร จึงเหมือนกับเป็นความว่างของธรรมชาติที่ไม่มีขอบเขต
ทุกปัจจุบันขณะ ใจจะรู้ว่า “อยู่กับใจ” ที่ไม่ปรากฏอะไรเลย แม้แต่ตัวใจ ใจจะไม่หลงไปอยู่กับสังขาร ที่เป็นเหมือนเงาสะท้อนที่มาปรากฏอยู่ในใจจนกว่าจะตาย เงาของสังขารที่มาปรากฏในใจก็จะดับไป
เหลือแต่ “ใจ” ที่เป็นธาตุรู้ เป็นหนึ่งเดียวกับความว่างของธรรมชาติอย่างเป็นอมตธาตุ อมตธรรมตลอดกาล
ผู้ถาม : โยมว่าโยมเข้าใจมากๆ ที่ท่านบอกว่า เงาของสังขารจะมาปรากฏที่กระจก หรือใจเอง ชัดเจนในความหมายมากๆ ค่ะ แล้วทีนี้สภาวะที่ใจเห็นเงาของสังขารในกระจก (ใจ) มันคือสภาวะเป็นหนึ่งหรือยังคะ
หลวงตา : ใจที่สิ้นอวิชชาเป็นเอโกธัมโม หรือเอกะธัมโม หรือจิตหนึ่ง หรือพุทธะ หรืออมตธาตุ อมตธรรม
ผู้ถาม : เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณอีกครั้งเจ้าค่ะ ในความเมตตาที่ไม่มีประมาณ
หลวงตา : ธรรมทั้งหมดรวมลงที่ใจ
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2563