ผู้ถาม : กราบหลวงตาค่ะ กราบเรียนถามหลวงตาว่า มนุษย์เรามีการเปลี่ยนภพชาติไปตามขณะจิตที่หลงยึดถือว่ามีตัวเราไปยึดถือ เช่น...
ถ้าขณะจิตใดหลงมีตัวเรามีราคะหรือความโลภ ขณะจิตนั้นวิญญาณกรรมเป็นเปรตหรืออสุรกาย
ถ้าขณะจิตใดหลงมีตัวเรามีความโกรธแค้นพยาบาท ขณะจิตนั้นวิญญาณกรรมเป็นสัตว์นรก
ขณะจิตใดหลงมีตัวเรา มีโมหะ เพลินเพลินใจติดใจยินดีไปกับรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่มาสัมผัส ขณะจิตนั้นวิญญาณกรรมเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ขณะจิตใดหลงยึดถือในความดี จิตมีความอิ่มเอิบในทาน ศีล ภาวนา ขณะจิตนั้นวิญญาณกรรมเป็นเทวดา
แล้วหากเป็นเทวดา สัตว์เดรัจฉาน หรือเปรต ฯลฯ ที่ไม่ใช่มนุษย์ ขณะที่เขาเป็นภพภูมินั้น คือเขายึดถือหรือเสวยจิตที่มันหลงไปยึดสิ่ง ๆ นั้น ซึ่งทำให้ตกอยู่ภพไว้อย่างต่อเนื่องและเหนียวแน่นหรือเปล่าเจ้าคะ จิตของเขาไม่สามารถเปลี่ยนไปภพภูมิอื่น ๆ เหมือนเป็นมนุษย์ใช่ไหมเจ้าคะ
หลวงตา : ความเห็นส่วนตัวนะ;
ถ้าไปเกิดใหม่ในร่างของเปรต อสุรกาย สัตว์นรก ร่างกายจะรับทุกข์ทรมานมากเกินไป ทำให้จิตใจไม่สงบพอที่จะฟังธรรมเพื่อเปลี่ยนภพภูมิที่ดีได้ จนกว่าจะสิ้นผลกรรมที่ได้รับ
ถ้าไปเกิดเป็นเทวดาในภพภูมิต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะหลงเพลิดเพลินเจริญใจไปตามกิเลส
ยกเว้นเทวดาที่มีความศรัทธามั่นในพุทธธรรมมาตั้งแต่เป็นมนุษย์ ก็จะสนใจ ใส่ใจในการฟังธรรม ประพฤติปฏิบัติธรรม
ส่วนมนุษย์นั้น;
ขณะที่ได้รับความทุกย์ยากลำบากมากเกินไป ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะฟังธรรม ประพฤติปฏิบัติธรรม
แต่ถ้าเกิดมารำ่รวยสะดวกสบายทุกอย่าง ก็จะเพลิดเพลินเจริญใจไปตามกิเลส
***** ยกเว้นผู้ที่มีบุญวาสนาบารมีมาก ๆ มาแต่ปางก่อน ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอย่างไร ก็มีโอกาสรู้ธรรม เห็นธรรมได้
ส่วนสัตว์เดรัจฉาน ไม่อาจบรรลุธรรมได้ แต่ถ้าเคยมีบุญวาสนามาแต่ปางก่อนในครั้งเป็นมนุษย์ในชาติก่อน ๆๆ ....
แต่เพราะจิตสุดท้ายก่อนตาย พลาดพลั้งหลงไหลไปตามกิเลสในชาติก่อนหน้านั้น จึงไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
แต่เพราะมีบุญวาสนามาแต่ปางก่อน จึงมีโอกาสได้ฟังธรรมติดจิตไป แต่ไม่อาจบรรลุธรรมได้
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563