ผู้ถาม : กราบนมัสการท่านพระอาจารย์เจ้าค่ะ โยมขอกราบเรียนถาม 2 ข้อ เจ้าค่ะ
1. โยมได้อ่านข้อธรรมขององค์หลวงปู่มั่น ที่ท่านสอนหลวงปู่เจี๊ยะ (ที่ท่านพระอาจารย์เอามาลงในไลน์เมื่อวานนี้เจ้าค่ะ เรื่อง "นิมิตเป็นเพียงของใช้ ไม่ใช่ของจริง") มีคำพูดประโยคหนึ่งที่สะกิดใจ ที่ท่านพูดว่า ไม่ว่าจะเห็นนิมิตอะไรก็ตาม ให้ "ทวนกระแสจิตเข้าสู่จิตเดิมแท้" ตรงนี้คือที่ท่านเมตตาสอนโยมเมื่อหลายวันก่อน ที่โยมกราบเรียนท่านว่า โยมเห็นตัวเองถูกไฟเผา ไฟลุกโชนไหม้ทั้งตัว แล้วท่านเมตตาสอนโยมว่าให้ "แค่รู้ไม่ให้คิด" ไม่ต้องกลับไปพิจารณากายอีกแล้ว คือความหมายเดียวกันใช่ไหมคะท่าน
ช่วงนี้โยมเริ่มเห็นตัวเอง (คือขึ้นมาเอง) เป็นโครงกระดูกซ้อนอยู่ภายในถี่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันจะสลับสับเปลี่ยนไป เห็นอวัยวะภายใน เช่น ลำไส้ กระเพาะเน่าเป็นสีดำๆ บ้าง หรือเห็นกล้ามเนื้อสีแดงเลือดท่วมตามแขนขาบ้าง หรือกระดูกเป็นสีดำเพราะไฟไหม้จนเกรียมบ้างเจ้าค่ะ โดยเฉพาะที่ใบหน้าเห็นถี่มากๆ ว่าเป็นโครงหัวกะโหลกซ้อนอยู่แทบจะตลอดเวลา และอีกประการคือ เห็นรูปพระอาจารย์มั่นท่านมายืนปรากฏอยู่ต่อหน้าโยมบ่อยๆ เจ้าค่ะ เมื่อวานตอนเช้าที่ท่านสอนให้พวกเรารับพลังบริสุทธิ์จากพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณนั้น โยมนั่งหลับตาน้อมรับพลังอยู่ ก็เห็นรูปท่านพระอาจารย์มั่นมาปรากฏต่อหน้า ท่านยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใจโยมสั่นสะท้านแล้วน้ำตามันก็ร่วงออกมาเองเป็นสาย รู้สึกลึกๆ ถึงความเมตตาของท่านที่มีต่อโยม เหมือนเห็นท่านยืนอยู่ตรงนั้นตลอดเวลาเลยเจ้าค่ะ
เมื่อคืนตอนโยมนั่งสวดมนต์ รำลึกถึงพระคุณพระพุทธองค์ พระธรรม พระสงฆ์ และพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ก็เห็นท่านพระอาจารย์มั่นมายืนปรากฏอยู่ต่อหน้าโยมอีก น้ำตามันก็ร่วงอีกเจ้าค่ะ
โยมนึกถึงที่ท่านพระอาจารย์สอนโยมว่า ให้แค่รู้ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น ตรงนี้คือ แม้โยมเห็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์อย่างท่านพระอารย์มั่นมาปรากฏ ก็ต้อง "ได้แค่รู้" ใช่ไหมเจ้าคะ คือ ไม่ให้ยึดติดในรูปองค์ท่านใช่ไหมเจ้าคะ
2. ตอนนี้โยมสังเกตว่า ท่านพูดสอนเรื่อง "ใจสงบ" บ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเปิดประตูเข้าสู่สุญญตา โยมนำมาพิจารณาและฝึกฝนตาม ทำให้สามารถรู้เห็นความคิดปรุงแต่งที่กำลังจะกระเพื่อมขึ้นมาได้บ่อยๆ เมื่อมีผัสสะ (คือทุกผัสสะจากการกระทบภายนอกและภายใน รวมทั้งความรู้ ความเข้าใจ และปัญญาที่ผุดขึ้นมาเป็นขณะๆ) เห็นการเกิดหรือจะเกิดแล้วดับลงไปเรื่อยๆ ความคิดหรือความปรุงแต่งลดทอนลงไป ลดทอนลงไปเช่นกัน และทันอารมณ์ปัจจุบันขณะถี่ขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน เห็นทั้งการเกิดและการดับได้เร็วมากขึ้น จึงเริ่มปะติดปะต่อความเข้าใจเรื่องวงจรปฏิจจสมุปบาทได้ชัดเจนขึ้นเจ้าค่ะ ที่ท่านสอนว่า สิ่งนี้เกิด... สิ่งนี้จึงเกิด สิ่งนี้ดับ... สิ่งนี้จึงดับ... ชัดเจนขึ้น เหมือนใจมันซึมซับแจ้งในข้อธรรมนี้ลึกซึ้งเข้าไป เข้าไปเจ้าค่ะ
เหมือนบางครั้งใจมันสงบนิ่งอยู่กับความรู้แจ้งในธรรมเป็นระยะๆ เจ้าค่ะ "ใจสงบ... จบที่ปัจจุบันเรื่อยไป"
ถ้าโยมยังเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อน ขอความเมตตาจากท่านพระอาจารย์ชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา : ไม่ยึดถือว่าเราเป็นผู้รู้ ผู้เห็นนิมิต
ปุจฉาวิสัชชนาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563