ผู้ถาม : กราบเรียนหลวงตา ความโง่แท้ ๆ เลยค่ะ... เพราะความโง่เขลาเบาปัญญา เลยมีอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ที่จริง ๆ อยากเพื่อให้ตัวของกู จะได้ชัวร์ซะที…
มันหลงเลยนะนี่... มันไม่เชื่อมั่นใน “รู้”... เข้าใจผิดว่าอ้อโยมหมอเขาต้องให้ครูอาจารย์ตั้ง 2 ท่านตรวจ เรายังไม่ได้ตรวจนะนี่
ใครจะเชื่อจังหวะนี้ พิมพ์ไปตามตัณหา ต้องให้หลวงตาตรวจก่อน สติปัญญาไม่ทันค่ะ
วันนี้.. มันก็เห็นมานะ ฟุ้งซ่าน อวิชชาตอนหลวงตาพูดถึงธาตุรู้ เข้าใจเลยค่ะ อะไรที่มันยังไม่สะใจ แจ้งใจ ที่หลวงตาเมตตาบอกเมื่อวานก่อนคือแบบนี้... นี่เอง
ไอ้ที่ไม่แจ้ง มันคาราคาซัง เหมือนที่หลวงตาเมตตาบอกจริงด้วยค่ะ ตอนที่ตัดไฟล์เบลอ ๆ กายมันเหนื่อยล้า มันพยายามตั้งใจฟัง แบบอุ๊ยถ้าฟังนานเดี๋ยวตัดไฟล์งานไม่ทัน... มันเห็นนะคะ มีกิริยาจิตแบบนี้เกิดขึ้นมันรู้
แต่ไม่เห็นอันหนึ่งคือ… ความที่มีความพยายามจะทำความเข้าใจ ไอ้เรื่องตรวจสอบว่าได้ธาตุรู้ยัง ถ้าไม่มีสติปัญญาทุกปัจจุบันขณะ มันแปลว่า อวิชชา ตัณหา อุปาทาน มันทำงานไปเองเลย แล้ว เมมในจิต ไว้ เวลาผัสสะกระทบอีกสัญญาปรุงแต่ง… ถึงเห็น… แต่ถ้าไม่แม่นหลัก มันจะตั้งคำถาม โดยมีเจตนาแฝงเพื่อตัวกูค่ะ
เจตนา… รับกรรม
สิ้นเจตนาเพราะเท่าทัน… สิ้นผู้เสวย
หนูเข้าใจถูกไหมคะ
หลวงตา : สาธุ
ยังมีตัวตนผู้ถาม อยากรู้แจ้งสิ้นสงสัย
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563