หลวงตา : ขณะจิตที่ “อวิชชา” คือ หลงยึดจิตดั้งเดิม หรือ จิตเดิมแท้ เป็นตัวเรา เป็นของ ๆ เรา ดับ
สังขารกรรม และ วิญญาณกรรม ที่สร้างภพชาติให้เป็นทุกข์ ในปฏิจจสมุปบาทก็ดับพร้อม เรียกว่า “สอุปาทิเสสนิพพาน” คือ นิพพานขณะที่ขันธ์ห้ายังไม่ตาย
ถึงแม้จะเป็นสอุปาทิเสสนิพพานแล้ว ต่อเมื่อขันธ์ห้ายังไม่ตาย ก็ต้องรับวิบากกรรมเก่าของขันธ์ห้า คือ ต้องแก่ เจ็บ ตาย
เมื่อขันธ์ห้าตายแล้ว จึงไม่มีตัวตนไปรับกรรมใหม่อีกต่อไป เพราะอวิชชา คือ หลงยึดจิตดั้งเดิม หรือ จิตเดิมแท้ เป็นตัวเรา เป็นของ ๆ เราดับไปตอนเป็นสอุปาทิเสสนิพพานแล้ว จึงสิ้นอวิชชาที่จะเป็นปัจจัยส่งผลให้เกิดสังขารกรรม และ เกิดวิญญาณกรรม ที่จะมีตัวเราไปรับกรรมใหม่อีกต่อไป
ผู้ถาม : สุดยอดแห่งธรรมอันละเอียด เพราะไม่เห็น "ตัวเรา" ที่แอบแฝงอยู่ในจิตเดิมแท้ ว่ามันไม่มีตัวตนอยู่จริง จึงดิ้นรน
“จิตเดิมแท้ก็ไม่มีตัวตน”
เพราะแค่ไม่รู้ความจริงเช่นนี้ จึงเกิดภพชาติสืบต่อมาไม่สิ้นสุด...
“ไม่มีตัวเราเป็นจิต ไม่มีจิตของเรา” อ่านแล้วขนหัวลุกเจ้าค่ะ
ภารกิจสุดท้าย คือ "ระเบิดทำลายตัวมันเอง"
ไม่เหลืออะไรเลยสักอย่างเดียว
พบผู้รู้ให้ฆ่าผู้รู้ พบจิตให้ทำลายจิต จึงจะถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้นเจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563