ผู้ถาม : เมื่อคืนลองเนสัชชิกติดต่อกันเป็นคืนที่ 4 ผ่านได้อยู่ครับ วันนี้ต้องออกไปทำคนไข้ เลยลองงดอาหารดูด้วยเลย ทั้งโหยทั้งโรยดีจังครับ คืนนี้ถ้ายังเดินไหว ตั้งใจจะเนเป็นคืนที่ 5 เพราะพรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานครับหลวงตา กราบขอพลังให้ผมด้วยนะครับ
อวิชชาในมุมที่ผมเห็น มันซ่อนฝังลึกอยู่ในกมลนิสัย หรือสันดานเราเลยนั่นแหละครับ ความเป็นตัวตนในจริตนิสัยที่คิด พูด ทำ ออกมา ล้วนมีอวิชชาฝังแน่นโดยไม่รู้ตัว
เราจึงหลงยึดถือเต็มเหนี่ยวในความเป็นตัวตนของเรา
เราคิดว่า เราทำถูก
เราคิดว่า เราคิดถูก
เราคิดว่า เราพูดถูก คนโน้นคนนี้ผิด
… กูนี้แหละผิด 555
อวิชชาฝังอยู่ในสันดานนิสัยความเป็นตัวตนของ “กู” นี่แหละ
รู้ทัน สำรวม และแก้ไขโดยไม่หลงสร้างกรรมกับใครอีก ผู้ทุกข์ก็ไม่มีเป็นขณะไป
เริงร่าในท่ามกลางสิ่งที่ขัดอกขัดใจ
ธรรมวิเศษอยู่ที่ถอดถอนความยึดถือออกจากความเป็นตัวตนของเราให้เบาบางลงได้เรื่อย ๆ นี่เองมังครับ
ไม่ใช่ธรรมที่ไปโอ้อวดกับใครเลยว่า
เรามีธรรม คนโน้นคนนี้ไม่เป็นธรรม
ความสำรวม ระงับ ไม่หลงปรุงแต่งอวดตัวถือตนไปตามสันดานเดิม ๆ เพราะเห็นอวิชชาแล้ว นั่นแหละพ้นทุกข์
หลวงตา : ถึงซึ่งจิตว่างเปล่าจากตัวจิต ว่างเปล่าจากความปรุงแต่ง มีความเงียบ สงบ ระงับ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่เป็นเอง
จะเป็นปัจจัตตัง นี่แหละเป็นที่สุดแห่งทุกข์ สาธุ เพียรให้มากนะ
ผู้ถาม : สู้ตายครับหลวงตา
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2563