ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ อวิชชาสูตรกระแทกใจมากเจ้าค่ะ
สิ่งใดที่รู้ ที่เห็น ที่เข้าใจ เค้าปรากฏให้แค่เรียนรู้ ให้เข้าใจ แล้วก็ผ่านไป เค้าเกิดแล้วก็ดับไปแล้ว ถ้ายังมีความยินดีในสิ่งที่เกิดดับไปแล้ว ย่อมต้องมี "ผู้" ไปเกิดแน่นอนเจ้าค่ะ
สิ่งที่เกิดได้ทุกสิ่งล้วนต้องดับเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณองค์หลวงตาที่เมตตากระแทกความยึดถือให้หายโง่เจ้าค่ะ ลูกศิษย์เพียรปฏิบัติบูชาเจ้าค่ะ
หลวงตา : คำว่า “สิ่งที่จิตยังไม่แจ้ง.... จิตก็คว้าไว้รกรุงรัง”
***** หมายถึง… “จิตไม่รู้ตัวว่าจิตหลงยึดถืออยู่”
จึงเป็นอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดภพ ชาติ ชรา มรณะ และความทุกข์ โศก เศร้า คับแค้นใจ หดหู่ เหี่ยวแห้งใจ.... เพราะมีผู้ยังไม่สมหวัง สมปรารถนา ยังไม่ได้อย่างใจอยาก เช่น
หลงยึดถือความรู้แจ้ง
หลงยึดถือความไม่ยึดถือ ความพ้นทุกข์ หรือ นิพพาน
หลงยึดถือจิตหรือใจเสียเอง
ผู้ถาม : จิตมันหลงยึดถือตัวมัน จึงมีอาการของความหลงแสดงออกจริง ๆ เจ้าค่ะ
ชั่วขณะจิตที่พลิก มันเหมือนครอบแก้วหายไป ธรรมชาติก็เปิดเผยตัวเอง
ไม่ใช่เพราะ... ธรรมชาติเพิ่งเปิดเผยความจริง
แต่เพราะ "จิตมันโง่" เลยเป็นหมอกมาหุ้มตัวมันไว้
เมื่อหมอกสลาย.. จิตมันหายโง่ จึงมองเห็นความจริงที่มีอยู่แล้วอย่างชัดแจ้ง.. เท่านั้นเองเจ้าค่ะ
ก่อนหลวงตาออกบวช เบื่อทางโลกไหมเจ้าคะ หน้าที่ยังคงต้องทำอย่างสมบูรณ์ ในใจตอนนี้บอกไม่ถูก มันเหมือนกระอักกระอ่วน เดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังไม่ได้ อธิบายไม่ถูกเลยเจ้าค่ะ
หากไม่ได้กำลังใจจากหลวงตา คงไม่มีวันนี้เจ้าค่ะ หากไม่ได้มหาเมตตาคงไม่มีวันนี้เจ้าค่ะ น้อมกราบสำนึกในมหาเมตตาเจ้าค่ะ น้ำตาไหลเลยเจ้าค่ะ น้อมกราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
จะเพียรไม่ถอย ไม่ยอมแพ้เจ้าค่ะ
อวิชชาในขณะจิตที่ถูกพ่อแม่ครูอาจารย์จี้ให้เห็น.. กลายเป็นฝุ่นผงที่ละลายไปกับสายลม ด้วยความเมตตาสุดประมาณ จึงทำให้ศิษย์ลืมตาอ้าปากได้ในวันนี้..
กราบแทบเท้าหลวงตาเจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563