ผู้ถาม : กราบขอโอกาสองค์หลวงตาเจ้าค่ะ
วันก่อนตอนที่หนูขับรถมาปัญจคีรี ขณะที่ขับรถมา หนูเห็นตัวเองที่กำลังทำพฤติกรรมบางอย่างในจิต ตอนนี้มันจำไม่ได้แล้วเพราะมันเกิดรวดเร็วมากเจ้าค่ะ แค่ขณะจิตเดียวที่รู้เบ็ดเสร็จไปเลย
ตอนนั้นเหมือนมันพลิกกลับไปเห็นอีกด้านหนึ่งของเหรียญที่มันไม่มีตัวตนหนูอยู่ในนั้น แต่ขันธ์ห้าก็ยังทำงานปกติ รู้แต่ตอนนั้นน้ำตามันไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย มันไม่ได้แปลออกมาว่ารู้อะไร แค่รู้ว่าหายโง่ในบางสิ่งลึก ๆ ในใจ และสะเทือนใจ
มาเมื่อวานนี้ตอนนั่งฟังองค์หลวงตาสอนตอนเย็น ขณะจิตหนึ่งที่อยู่ดี ๆ มันก็พลิก อ่อ… แล้วมันสะเทือนขึ้นมาในจิตเป็นความรู้ที่บอกว่าที่ผ่านมาเข้าใจผิดเห็นผิดมาโดยตลอดว่า
"ตัวเรา ๆ ความเป็นตัวเรา (ที่เกิดขึ้นในขณะจิตนั้น)
เข้าใจมาตลอดว่ามันเป็นสังขารในขันธ์ห้า
แต่ตอนนั้นมันรู้สึกว่าตัวนี้มันไม่ใช่สังขารในขันธ์ห้า
แต่เป็นความรู้สึกที่ยึดและสร้างขึ้นมาเป็นตัวเราเหมือนผี หรือเงาที่จริง ๆ มันไม่มีเป็นตัวเป็นตนจริง ๆ
หลังจากเกิดเหตุการณ์ทั้งสองครั้งนั้น ทำให้หนูนึกถึงคำสอนองค์หลวงตาใน เรื่อง "วิญญาณขันธ์กับวิญญาณธาตุตอนที่ 1 กับ 2" เลยเจ้าค่ะ พอมาอ่านอีกก็ชัดเจนขึ้น
ตอนขับรถมาปัญจคีรี ก็จะเหมือนที่องค์หลวงตาสอนในเรื่องนี้ว่า...
"วิญญาณธาตุ" คือมันได้แต่รู้แก่ใจ รู้ออกมาจากใจ ว่าไม่ได้ยึดอะไร
แต่ถ้ายึดมันก็คือยึดเลย "วิญญาณธาตุที่มันบวกอวิชชา" มันยึดเลย มันทำหน้าที่ยึดอย่างเดียว
เราเข้าใจว่ามันทำงานซ้อน ซ้อนวิญญาณขันธ์ มันไม่ได้ทำงานซ้อน มันมีแต่ยึดหรือไม่ยึด มันรู้แจ้งว่ามันยึดหรือไม่ยึด ถ้ามันยึดก็คือยึดเลย
มันเห็นความแตกต่างระหว่างยึดกับไม่ยึด ที่มันยึดก็ยึดไปเลย ไม่ยึดก็รู้ว่าไม่ยึด
ธาตุรู้บวกอวิชชา บวกเรา… ของเรา ยาวไปเลย
ธาตุรู้ขณะที่ไม่มีอวิชชา รู้แค่ไม่ยึดอะไร ไม่มีตัวตนอะไรเลยเจ้าค่ะ
หนูไม่แน่ใจว่าเห็นตรงความเป็นจริงหรือไม่เจ้าค่ะ วันนี้จะถามองค์หลวงตาแต่ไม่มีโอกาส เลยมาถามในนี้แทนเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
มันทำให้หนูเห็นอีกว่ามันยึดในลักษณะเดียวกันกับเวลานึกถึงครอบครัวในขณะจิตนั้น ๆ เลยเจ้าค่ะ
เข้าใจว่าเวลายึดมันยึดไปเลย มันจึงเป็นอวิชชา บวกเรา บวกของเรา บวกทุกข์..... เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ ที่ผ่านมาเมื่อมันยึดไปเบ็ดเสร็จจึงไม่เห็นว่า จริง ๆ มันไม่ได้แค่นึกถึง แต่ขณะจิตที่มันมีอวิชชา มันบวกเรา ลูกเรา สามีเรา เป็นการปรุงแต่งสำเร็จรูปไปเลยเจ้าค่ะ ถ้าไม่เห็นจริง ๆ มันจะคิดว่า แค่เป็นสังขารปรุงแต่งนึกถึงธรรมดา ๆ จริง ๆ มันยึดซ้อนอยู่ในนั้นเจ้าค่ะ มันจึงหลงเข้าใจว่าไม่ได้ยึดถือ ถ้าปัญญามันเซาะเข้าไปจริง ๆ มันเหมือนตะกอนมันค่อย ๆ แยกชั้นออกมาเผยให้เห็นได้เจ้าค่ะ
กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ หากเห็นผิดอย่างไรขอโอกาสองค์หลวงตาเมตตาชี้แนะเจ้าค่ะ
หลวงตา : อย่าให้ความรู้มันคลุมเครือ
ต้องใช้สติ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร ขันติ พิจารณาความรู้เห็นที่กล่าวมานั้น จนประจักษ์ความจริงแก่ใจว่า......
อย่างไรเป็นกิริยาอาการ และวิญญาณในขันธ์ห้า
อย่างไรเป็นวิญญาณธาตุที่มีอวิชชา จะหลงยึดถือขันธ์ห้าว่าเป็นตัวตนคงที่ เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา แล้วหลงเอาตัวเราไปหลงยึดถือสามี ลูก คนอื่น ๆ สิ่งอื่น ๆ อีกต่อ ๆ ไป
อย่างไรเป็นจิต ใจ วิญญาณธาตุ หรือธาตุรู้ ที่ไม่มีอวิชชา ก็จะสักแต่ว่ารู้ (ไม่หลงยึดถือ) ขันธ์ห้าตามความเป็นจริงในปัจจุบันขณะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563