ผู้ถาม : กราบนมัสการเจ้าค่ะองค์หลวงตา ขอโอกาสเจ้าค่ะ ลูกปล่อยวางตามที่หลวงตาสอนมาตลอดสาย โดยโยนิโสมนสิการไว้ในใจว่าทุกสิ่งที่ถูกรู้ ขยับเยื้อนเคลื่อนไหวมีอาการได้เป็นสังขารทั้งหมด จนมาเห็นและรู้สึกว่า ตัวผู้สังเกตมันคืออวิชชา ที่ทำให้รู้สึกเป็นตัวเราขึ้นมา ลูกก็พิจารณาไว้ในใจว่าตัวผู้สังเกตมันเป็นสังขาร จนตอนนี้เห็นแต่ส่วนทั้งหมดเป็นสังขาร จนรู้สึกในใจเหมือนว่าสังขารมันเล็กเรียวลงจนเป็นอนุภาคปรมาณูที่มันริ้ว ๆๆ ก็พิจารณาว่ามันเป็นสังขารก็วางไปอีก แล้วพอหันมาดูผู้รู้ที่รู้นั้นก็สังขารอีก ความรู้สึกตอนนี้คือ มันมีแต่หน้าของสังขาร มันเหมือนหลังพิงกำแพงไปต่อไม่ถูกเจ้าค่ะ เหมือนสุดทางเพราะมีแต่สังขารหมดแม้แต่ตัวรู้ ก็เมื่อตัวรู้เองก็เป็นสังขารแล้วจะเหลืออะไรจะอยู่กับอะไรต่อ แต่มันมีคำหนึ่งขึ้นมาในใจคือ “อยู่กับรู้แก่ใจ” ลูกไม่ทราบว่าหลงผิดสร้างสิ่งใดขึ้นมาหรือเปล่า ขอความเมตตาหลวงตาชี้แนะลูกด้วยเจ้าค่ะ ว่าต้องทำอย่างไรต่อไปเจ้าค่ะ กราบหลวงตาด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ เข้าใจถูกต้องแล้ว เหลือแต่รู้จริง เห็นจริง และใจเป็นธรรม ธรรมเป็นใจจริง คือ สิ้นผู้เสวย สิ้นผู้กินอาการ สิ้นผู้ยึดมั่นถือมั่น *ก็สิ้นตัวตน สิ้นกิเลส พ้นทุกข์ (นิพพาน) หรือ สิ้นความหลงรู้สึกว่ามีตัวตนของเรา ก็สิ้นผู้เสวย หรือ สิ้นผู้ยึดมั่นถือมั่น สิ้นกิเลส พ้นทุกข์ในปัจจุบันทันที
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2560