ผู้ถาม : วันนี้เดินจงกรม เห็นการทำงานของเจตสิก มี “รู้” เหมือนฉากหลังที่ว่างเปล่า เห็นความคิดเกิดแล้วก็หลุดร่วงไปเองเกือบจะทันทีที่เกิด บางครั้งก็นานกว่านั้นหน่อย ไม่ได้ตั้งใจ “วาง” แต่มันเกิดแล้วร่วง เกิดแล้วร่วง ไม่ใช่แค่เห็นอาการนะคะ รู้เรื่องมันนิดก่อนร่วงหายนะคะ ไม่มียางยึด หลวงตากรุณาบอกด้วยว่าต้องแก้ไขการปฏิบัติอย่างไรไหมคะ
หลวงตา : ให้เพียรเห็นอย่างนี้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย จะชัด ไม่ชัดอย่างไร ก็เพียรเห็นไปเรื่อย ๆ
ผู้ถาม : ถอยกลับไปเรื่อง “รู้” ที่เหมือนเป็นฉากหลังที่ว่างเปล่าของความคิดที่เกิดแล้วร่วงหาย เกิดแล้วร่วงหาย ตอนเดินจงกรมนะคะ นั่นจะจำแนกอย่างไรคะ ว่าเป็นวิญญาณขันธ์หรือไม่ มันก็ไม่ทำอะไร มันก็อยู่อย่างนั้นน่ะค่ะ ไม่มีความพยายามอะไร ไม่ขยับอะไร
หลวงตา : ไม่ต้องแยกแยะว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องรู้ชื่อสมมติบัญญัติ ไม่ต้องรู้ว่าอะไรเป็นวิญญาณขันธ์ อะไรเป็นวิญญาณธาตุ ปล่อยให้ทุกอย่าง ทุกคิด ทุกอาการที่ได้รู้เห็น หรือได้รับรู้รับทราบในทุกขณะปัจจุบัน ผ่านไป จากไป พลัดพรากไป ดับไป ดับไป ดับไป ๆๆๆ .... เป็นธรรมดา ไม่มีผู้เสวย ไม่มีผู้ยึดมั่นถือมั่น ก็ไม่มีตัวตนในปัจจุบัน ไม่มีตัวตนในอนาคต ไม่มีตัวตนในโลกใหม่ ไม่มีกิเลส พ้นทุกข์ (นิพพาน)
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560