ผู้ถาม : การปฏิบัติในรูปแบบจะมากขึ้นเอง เพราะอยู่กับตัวผู้รู้ที่ไปรู้สภาวธรรม ที่ต่อเนื่องเกิดดับอยู่ตลอด เเต่ตัวรู้จะเด่นชัดกว่าปกติที่เราอยู่ในอริยาบทสี่ ถูกต้องนะคะ ถึงเขาจะเด่นอย่างใดก็รู้เห็นตามอาการนั้น ๆ ไป จะสุขจะทุกข์ก็เข้าใจว่ามันไม่ใช่เรา ไม่มีตัวเราให้เห็น จะปรากฏแค่สบายมากกับสบายน้อยเท่านั้น ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่จะไปเห็นมีแต่ว่า ความทุกข์ที่บีบคั้นของจิตที่ดิ้น ๆ อยู่ มันคืออาการเข้าไปดูเวทนาในฌานหรือไม่เจ้าคะหลวงตา
หลวงตา : มันยึดสุข เลยเมื่อเกิดความทุกข์จึงดิ้นรนผลักไส แม้อยู่ในฌานก็แค่สักแต่ว่ารู้ อยู่ในสภาวะปกติก็แค่สักแต่ว่ารู้ หลงยึดถือสภาวธรรมอันใด แม้แต่ความว่าง แม้แต่ความรู้แจ้ง หรือยึดถือผู้รู้หรือเอาตัวเราไปรู้ ก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์กับการไม่ได้อย่างใจครั้นไม่อาจยึดถือให้เป็นอย่างใจได้ ก็เกิดความทุกข์ เร่าร้อน หงุดหงิดรำคาญใจ ดิ้นรนผลักไส ทุกข์กับความแปรปรวน ทุกข์กับความไม่เที่ยง
ผู้รู้หรือธาตุรู้ ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง ไม่อาจมีกริยาหรืออาการใดได้ จึงไม่ปรากฏว่ารู้ชัดหรือไม่ชัดที่ตัวเรา ไม่ปรากฏว่าผู้รู้เบาสบายมาก เบาสบายน้อย กรณีอย่างนี้หลงเอาตัวเราซึ่งเป็นขันธ์ห้าไปรู้ จึงปรากฏอาการหรือสภาวธรรมที่ตัวเราผู้รู้ได้ อาการต่าง ๆ ที่ปรากฏชัดที่ตัวเรานั้นเป็นขันธ์ห้า ให้ปล่อยวางเสีย อย่าไปหมายสภาวธรรมอันใดไว้ หรือไปหลงยึดถือว่าจะให้เป็นอย่างไร มันจะหลงยึดถือ
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560