ผู้ถาม : สองวันที่ผ่านมานี้ศิษย์รู้สึกร่างกายอ่อนเพลียมากยังไม่ทราบสาเหตุ และไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยอย่างอื่น นอนพักแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น ก็ยังปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอยู่เช่นเดิม ไม่ทราบเกี่ยวกับพลังที่พึ่งรู้สึกที่เกิดตรงช่องท้องหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรกับมันก็แค่สักแต่ว่ารู้ มีแค่ครั้งหนึ่งที่เอามือขวาจับมือซ้าย แล้วอธิษฐานจิตให้พลังในเวียนจากมือขวาไปมือซ้าย ด้วยความอยากรู้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเกิดขึ้น แล้วถ้าไม่ได้เกี่ยวกับพลังแล้ว สามารถชักนำพลังมารักษาอาการอ่อนเพลียที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้หรือไม่ เลยขอความเมตตาหลวงตาช่วยแนะนำหน่อยครับว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรต่อไป
หลวงตา : เป็นเพราะหลงรู้สึกว่ามีตัวเราว่างเปล่า เบาสบาย ให้ปล่อยวางตัวเราผู้รู้ หรือปล่อยวางผู้รู้ ไม่หลงยึดถือว่าผู้รู้เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา หรือตัวเราเป็นผู้รู้ ให้เห็นว่าความหลงยึดถืออย่างนั้นเป็น "อวิชชา" มันจะยังมีตัวตนพาให้เกิดตาย เป็นกิเลสและความทุกข์
ความหลงรู้สึกว่าเราอ่อนเพลียก็เป็นความหลงมีตัวเราอ่อนเพลีย ความจริงมีแต่อาการอ่อนเพลีย ไม่มีตัวเราอ่อนเพลีย
เมื่อหลงว่ามีตัวเราอ่อนเพลีย ก็จะปรุงแต่งต่อว่าเราเป็นอะไร จะรักษาอย่างไรตัวเราจึงจะหาย ก็จะหลงปรุงแต่งเป็นเรา เป็นตัวเราต่อเนื่องกันไปยกใหญ่ ซึ่งล้วนแต่เป็น "อวิชชา"
ผู้ถาม : เวลาที่อ่อนเพลีย สิ่งที่ต้องเห็นคือว่าจิตบ่นอะไรอยู่ถูกไหมคะ
หลวงตา : เมื่อมีอาการว่างเปล่า เบาสบาย หรือมีอาการหมดแรง อ่อนเพลีย ให้ถามว่าใครเป็นผู้รู้อาการเหล่านั้น ก็จะได้คำตอบว่าตัวเราเป็นผู้รู้ ผู้คิดตรึกตรอง ผู้วิตกกังวล ก็ให้ปล่อยวาง ตัวเราผู้คิด ผู้วิตกกังวล ผู้รู้ ให้เห็นว่าเป็นจิตหรือวิญญาณขันธ์ ซึ่งเป็นสังขารหรือสิ่งปรุงแต่ง ทำหน้าที่ร่วมกับ เวทนา สัญญา สังขาร และส่งต่อจิตหรือวิญญาณขันธ์ตัวใหม่ ๆ ต่อ ๆ กันไป ซึ่งล้วนแต่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
เมื่อเห็นว่าความรู้สึกว่าตัวเราเป็นผู้รู้ ผู้รู้สึก ผู้คิดตรึกตรอง ผู้วิตกกังวลเป็นสังขารปรุงแต่ง ก็จะปล่อยวางความหลงยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นตัวตนของเรา หรือตัวเราเป็นผู้รู้ ผู้รู้สึก ผู้คิดตรึกตรอง ผู้วิตกกังวล
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2560