ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ หนูเดินไปเดินมา เพียรมีสติอยู่กับลมหายใจ เห็นความคิดที่มันขึ้นมาเป็นช่วงไป แล้วมันก็ดับของมันไป มีทั้งช่วงหลงไปคิดตามแล้วมีสติขึ้นมาใหม่ มีทั้งสติตื่นรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น อะไรดับไป เห็นการทำงานและเกิดดับของผัสสะกับอายตนะทั้งหมดว่า มันเป็นอัตโนมัติของมันเอง สังเกตได้ถึงความแตกต่างของการมีสติกับขาดสติ เลยเกิดปัญญาขึ้นว่า ... แค่มีสติรู้ว่าร่างกายนี้ ความคิดนี้ และธาตุรู้ ไม่ใช่ของหนู หนูไม่เคยเกิดมา มีแต่สังขารที่มันต้องเกิดมาเพื่อใช้กรรมที่เคยทำมา ถ้าหนูไม่ยึดว่าขันธ์ห้านี้เป็นหนู พอหมดกรรมแล้วขันธ์ห้าก็สลายไปตามธรรมชาติ ส่วนวิสังขารก็กลับคืนสู่จักรวาลของธาตุรู้ไป เพราะความโง่ที่คิดว่าขันธ์นี้ ใจนี้เป็นของเรา เลยดิ้นรนหาทางให้มันพ้นทุกข์ จริง ๆ แล้วขันธ์ห้ามันเกิดมาก็ต้องมีทุกข์ของมันอยู่แล้ว แต่เมื่อหนูไม่ยึด ก็ไม่มีผู้ทุกข์ มีแต่ความทุกข์ของขันธ์ห้าเท่านั้นที่เกิด ๆ ดับ ๆ ของมันไปตามเหตุตามปัจจัย ตามกรรมของมัน กราบขอความเมตตาจากหลวงตา ช่วยชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ สาธุ มันเป็นเช่นนั้นเอง
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2561