หลวงตา : สังขารทั้งหมดทุกปัจจุบันขณะ มันเป็น ลิง เหมือนอย่างที่หลวงพ่อชา สุภัทโท พ่อแม่ครูอาจารย์ที่เคารพนับถือสอน ปล่อยให้ลิงมันคงเป็นธรรมชาติของลิง ไม่มีมีผู้ใดไปอะไร ๆ กับมัน ลิงมันทุกข์ เพราะมันเป็นสังขาร พ้นสภาพจากลิงเป็นวิสังขาร เป็นสุญญตา ไม่มีอะไรเลย
ผู้ถาม : จริง ๆ ลูกรู้สึกเหมือนมันแค่พลิกฝ่ามือ มันบังอยู่นิดเดียว แต่ก็ยัง… จะหาคำตอบมันก็เป็นสังขารไปอีกเจ้าค่ะ
หลวงตา : เสี้ยววินาทีเดียวที่ดิ้นรนค้นหาทางพ้นทุกข์ (นิพพาน) มันเป็น “ตัณหา” และมันเป็น “อวิชชา” คือ มันหลงสังขาร หลงเอาสังขารมาคิดปรุงแต่งเป็นตัวตน เป็นเรา เป็นตัวเรา เป็นของเราขึ้นมา แล้วหลงเอาตัวเราไปหาทางพ้นทุกข์หรือพระนิพพานมาให้ตัวเรา
ผู้ถาม : มันต้องหยุดสนิทจริง ๆ เจ้าค่ะหลวงตา รู้ว่าตอนนี้ใจหยุดแล้ว แต่สังขารก็ยังดำเนินไป “ใจ” ไม่ต้องการอะไร ที่ต้องการอะไร ไม่ใช่ “ใจ”
หลวงตา : “สังขาร” ก็คงปล่อยให้เป็นธรรมชาติปรุงแต่งของเขาไปอย่างเก้อ ๆ ซะ
ส่วน ใจ หรือ วิญญาณธาตุ หรือ ธาตุ ที่เป็น วิสังขาร หรือ อสังขตธาตุ หรือ สุญญตา หรือ เป็นความว่าง ที่ไม่มีตัวตน ไม่ปรุงแต่ง ไม่ปรากฏอะไร ก็ปล่อยให้เขาเป็นความว่างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติไปซะ
ทั้งสังขาร และ วิสังขาร เป็น “สัพเพ ธัมมา อนัตตา”
ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา ตัวเรา หรือ ของเรา
อย่าหลงยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวตนของเราอยู่ในธรรมชาติทั้งสังขารและ
วิสังขาร
ดังนี้ ;
ใจ ก็เป็นความว่าง เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ เหมือนดังท้องฟ้า หรือ อวกาศ ตลอดกาล
ส่วน ขันธ์ห้า ซึ่งเป็นชีวิต ที่ยังต้องปรุงแต่งดำเนินไปตามปกติ คงขาดแต่สิ้นอวิชชา คือ หายโง่ สิ้นหลงยึดถือว่ามีเรา ตัวเรา หรือ ตัวตนของเราอยู่ในธรรมชาติ เท่านั้น
ผู้ถาม : ตอนนี้ลูกรู้แต่ว่า ใจย่อมรู้ใจ เจ้าค่ะ หลวงตาเจ้าคะ เมื่อใจคืออวิชชา ถ้าไม่พยายามแยกอวิชชาออกจากใจ และไม่พยายามแยกใจออกจากอวิชชา แล้วอวิชชาสิ้นไปได้อย่างไรเจ้าคะ หรือคือไม่เหลือแม้ความรู้สึกที่เป็นตัวจิตตัวใจหรือเจ้าคะ
หลวงตา : ตรงที่สิ้นสงสัย สิ้นสมมติ ไม่มีความปรุงแต่ง ไม่มีคำพูด ไม่ให้ความหมาย เป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น
ผู้ถาม : กราบสาธุเจ้าค่ะ แจ่มแจ้งเจ้าค่ะ น้อมกราบรับมหาเมตตาจากองค์หลวงตาเจ้าค่ะ อ่านไปแล้วรู้สึกอยากร้องไห้ ภายในไม่ได้เข้าใจ และไม่ได้ไม่เข้าใจเจ้าค่ะ รู้แต่มันไหลเข้าไปข้างในใจ ไม่มีการประมวลความเหมือนทุกที อ่านแล้วหายไป หายไป หายไป ไปไหนไม่รู้เจ้าค่ะ เหมือนจะร้องไห้ มันไม่ต้องการความเข้าใจอะไรอีก มันไม่ใช่ไม่เข้าใจ น้อมกราบในมหาเมตตาอันประมาณมิได้เจ้าค่ะ น้อม กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ มันไม่ใช่ทุกข์ มันไม่ใช่สุข แต่ข้างในมันร้องไห้เจ้าค่ะ อวิชชาไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี ไม่จำเป็นต้องแยกอะไรออกจากอะไร มันก็เป็นของมันเช่นนั้นเองเจ้าค่ะ
หลวงตา : สาธุ สาธุ
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561