ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ หนูกลับไปอ่านอวิชชาที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ ที่หลวงตาเขียนไว้ว่า .... พระพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ หรือ อริยบุคคล มีธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง “อยู่กับรู้” ที่เป็น “วิสังขาร” นี้ แต่ไม่มีผู้ยึด “รู้” เพราะสิ้น “อวิชชา” แล้ว เป็นรู้จริง รู้แจ้ง รู้พ้น รู้สิ้นหลง รู้สิ้นยึด รู้ตื่น รู้เบิกบานแล้วตลอดกาล ซึ่งธรรมชาติรู้นี้ เขาเป็นธาตุรู้ตามธรรมชาติ ที่ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง ไม่มีรูปพรรณสัณฐานใด ไม่ปรุงแต่ง จึงไม่ใช่เรา ตัวเรา หรือ ของเราแต่เมื่อขันธ์ห้ายังไม่ถึงเวลาแตกดับ (ตาย) ก็ต้องอาศัยอยู่กับธาตุรู้นี้ไปก่อน .... หนูเข้าใจแล้วเจ้าค่ะว่า พระอริยสงฆ์ท่านอยู่กับรู้ ซึ่งเป็นวิสังขาร เลยทำให้เกิดคำถามอีกว่า แล้วพระอริยสงฆ์ท่านไม่มีสังขารหรือเจ้าคะหลวงตา เพราะว่าหลวงตาเคยบอกว่าท่านเป็นปกติธรรมดาที่สุด ตรงไปตรงมาที่สุดเจ้าค่ะ ท่านรู้ซื่อ ๆ แต่ไม่มีสังขารหรือเจ้าคะ
หลวงตา : พระอริยสงฆ์ที่ธาตุขันธ์ยังไม่แตกดับ (ตาย) ก็มีสังขารซึ่งเป็นขันธ์ห้า สำหรับใช้ทำงานตามปกติในชีวิตประจำวัน แต่ไม่ใช่เพื่อยึดถือ เพราะท่านสิ้นความรู้สึกว่ามีตัวมีตน มีตัวเรา มีของเรา มีกายของเรา มีจิตหรือใจของเรา จึงสิ้นผู้ยึดถือแล้ว หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงกล่าวว่า พระอรหันต์ไม่มีจิต ซึ่งหมายถึงจิตปรุงแต่งยึดถือ เพราะท่านสิ้นอวิชชาแล้ว แม้ไม่มีจิตปรุงแต่งยึดถือ แต่ก็มีขันธ์ห้า ซึ่งเป็นธรรมชาติปรุงแต่ง อันเกิดจากกรรมเก่า ซึ่งเป็นสังขารวิบาก อาศัยอยู่กับธาตุรู้ที่สิ้นอวิชชา จนกว่าขันธ์ห้าจะแตกดับ จึงมีแต่ธาตุรู้ที่สิ้นอวิชชา หรือ เรียกว่า พุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน โดยไม่มีขันธ์ห้ามาอาศัยอยู่กับธาตุรู้ อีก ถ้าธาตุรู้ยังไม่สิ้นอวิชชา เมื่อขันธ์ห้าแตกดับแล้ว จะเหลือธาตุรู้ที่มีอวิชชา คือ มีตัวตนที่ยังหลงยึดถืออยู่ในใจหรือในจิตเดิมแท้ หลุดออกมาจากขันธ์ห้าที่ตายเน่าเปื่อยผุพังแล้ว หรือ ธาตุรู้กลืนหายไปในธรรมชาติไม่ได้ เพราะไม่สิ้นอวิชชา คือ จิตปรุงแต่งยึดถือ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2561