ผู้ถาม : หลวงตาเจ้าค่ะ หนูฟังไฟล์เส้นผมบังภูเขา สุดท้ายเราหายตัวไปเหมือนที่เรานอน หายไปไหนก็ไม่รู้รึเปล่าเจ้าคะ ไม่มีความรู้สึกนึกคิด หากตื่นมาแล้วยังหายใจอยู่ยังมีตัวอยู่ก็ดำรงสังขารนั้นไป สังขารก็ทำงานไป ใจทำหน้าที่รู้เฉยๆ ไม่มีตัว แต่บันทึกข้อมูล แต่หากตื่นมาแล้วไม่มีแล้ว คือ กลับสู่ธรรมชาติเดิม ไม่มีอะไรเหลือเลยหนูเข้าใจถูกต้องไหมเจ้าคะ
หลวงตา : ความจริงตัวตนของเราหรือตัวจิตใจของเราก็ไม่มีมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่เพราะอวิชชา คือ ความไม่รู้ตามความเป็นจริงว่า ขันธ์หรือสิ่งที่มีชีวิตต่างๆ ในแต่ละภพชาติ เกิดจากการรวมตัวกันของธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ และวิญญาณธาตุหรือธาตุรู้ตามธรรมชาติ เพราะความไม่รู้ คือ อวิชชา จึงหลงยึดถือเอาขันธ์ในแต่ละภพชาติ ซึ่งเกิดจากการผสมปรุงแต่งของธาตุต่างๆ ดังกล่าว ว่าเป็นเรา ตัวเรา ตัวตนของเรา หรือ ของของเราทุกชาติไป
เมื่อขณะธาตุแตกขันธ์ดับ ยังไม่สิ้นความหลงยึดถือว่ามีเรา มีตัวเรา มีตัวตนของเรา หรือของของเราอยู่ในใจ ดังนั้น ขณะดับจิตสุดท้ายก็ยังคงหลงยึดถือว่าเรามีตัวตน หรือ มีตัวตนของเรา ความมีตัวตนยังไม่ดับจึงต้องไปรับผลกรรม สร้างตัวตนเสวยผลกรรมในภพชาตินั้นต่อๆ ไปอีก เช่น ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก เทวดา มนุษย์ที่มีรูปร่างเปลี่ยนไปตามผลของกรรม
ขณะจิตใดในปัจจุบันขณะ สิ้นหลงยึดถือว่ามีเรา มีตัวตนของเรา หรือไม่รู้สึกว่ามีตัวเรา ของๆ เราอยู่ในใจอีกเลย คงมีแต่ใจหรือจิตเดิมแท้ๆ ซึ่งเป็นธาตุรู้ตามธรรมชาติ ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปร่าง ไม่มีรูปพรรณสัณฐานใด ไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีการหยุดอยู่ ไม่มีอดีต ไม่มีปัจจุบัน ไม่มีอนาคต ไม่อาจคิดหรือปรุงแต่งได้ ไม่มีการเกิด ไม่มีการดับ ไม่มีการตาย มันไม่ได้มีอยู่หรือไม่มีอยู่
เมื่อสิ้นอวิชชาแล้ว ครั้นธาตุแตกขันธ์ดับ จิต วิญญาณ ใจ หรือธาตุรู้ ก็ไม่เหลือตัวตน ดับหายไปเหมือนดั่งเปลวไฟที่สิ้นเชื้อ
ปุจฉาวิสัชนาธรรมเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2561