ผู้ถาม : หลวงตาเจ้าคะ เวลาน้อมเห็นความรู้สึกทุกอย่าง รวมถึงความรู้สึกเป็นเรา ว่า มันเป็นสิ่งที่สุดท้ายต้องดับไปดับไป สิ้นไปสิ้นไป วันหนึ่งเราต้องทิ้งทุกความรู้สึก ทิ้งทุกความ “เป็นเรา” ไว้บนโลกยามตายแตกดับ
น้อมไปน้อมไป ใจมันสลด มันกระเทือนเจ้าค่ะ เหมือนมันสังเวชกับความไม่เที่ยงของทุกสิ่งทุกอย่าง รู้สึกได้ ว่ามีความรู้สึกเหมือนมีบางอย่างจะดันออกมาจากข้างใน แต่มันยังไม่ออกมา เหมือนเวลาจุดไฟแช็ค แล้วจุดจะติด ๆ แต่ไม่ติด เพราะมันน้อมพิจารณาได้ไม่ต่อเนื่อง พอพิจารณา ๆ ไป เวลามีความรู้สึกกระเทือน รู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้น มันออกจากการพิจารณามาอยู่ที่ความรู้สึกแปลก ๆ ดัน ๆ นั้นแทน มันไม่ปล่อยให้ตัวมันเองพิจารณาจนขาดไป ไม่ยอมปล่อยให้มันสุดเจ้าค่ะ
แต่หลังจากพิจารณาที่ใจมันสลดสังเวช ใจมันวางไป วางไป วางไป พอออกจากการพิจารณาอีกที มันรับรู้โลกภายนอกเหมือนเห็นโลกภายนอกราบเรียบไปหมด ทุกอย่างเงียบสงัดมาก ไม่มีความหมายต่อใจในขณะนั้น เป็นอยู่นาน
หลวงตา : ระวังกิเลสมันหลอกเอา หลอกให้หลงไปสนใจอาการแปลก ๆ อัศจรรย์ต่าง ๆ
แล้วทิ้งงานที่พิจารณาอสุภกรรมฐาน และมรณานุสติขณะปัจจุบันนั้นไปเสีย
มันจะเสียหายมาก เพราะจะพิจารณาปลงปล่อยวางได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะจิตกับกิเลสมันฟื้นตัวขึ้นมาเสียแล้วในระหว่างทิ้งงานที่กำลังพิจารณาไป
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561