ถาม : กราบเรียนส่งการบ้านหลวงตาค่ะ
หลังจากที่ได้สภาวะผู้รู้ออกมาเป็นผู้ดู โยมพิจารณาแล้วเห็นว่า การมีจิตตั้งมั่นเป็นเหตุ จึงตัดสินใจไปปลีกวิเวกภาวนาแบบกัดติดจดจ่อติดกันหลายวัน
วันหนึ่งขณะนั่งภาวนาโดยอธิษฐานจิตไม่ขยับร่างกาย เมื่อจิตสงบเวทนาดับ เห็นสภาวะผู้รู้ ผู้เข้าใจว่า ตัวเราไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรก และเห็นต่อว่าผู้เข้าใจนี่มันก็ยังพูดไม่หยุด ทำความเข้าใจต่อไม่หยุด ก็เข้าใจต่อว่า นี่สังขาร หลวงตาบอกว่าของจริงพูดไม่ได้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง เรายังยึดสังขารไว้นี่ สุดท้ายมันยอมวางเพราะมันเห็นแต่ทุกข์ๆๆ จนจิตมันเข้าใจว่า มีแต่ทุกข์ที่เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์ที่ตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์ที่ดับไป รู้สึกเหมือนเรากระโดดออกจากเรือที่เราใช้ข้ามฟาก แต่เราก็ไม่ได้จมน้ำ นั่งภาวนาต่ออีกนานหลายชั่วโมง รู้แค่ฟ้าก็อยู่ของฟ้า นกก็อยู่ของนก บางครั้งจิตเกิดสงสัยทบทวนว่าสภาวะที่เกิดคืออะไร จิตก็ตอบตัวเองว่า ไม่ว่าจะคืออะไร ทุกอย่างคือสมมุติทั้งสิ้น มีแต่สมมุติ ๆๆ แล้วมันก็วางไปเองค่ะ
ตลอดเวลา 10 วันที่ตัดขาดจากโลกภายนอก โยมเห็นจิตตัวเองปล่อยวางได้หลายสิ่งหลายอย่างชัดเจน คำสอนของหลวงตาผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะคำสอนโดน ๆ ที่โยมคอยเซฟเก็บไว้ฟังหลาย ๆ รอบ กระทั่งคำตอบของหลวงตาที่สอนในครั้งที่ไปส่งการบ้านครั้งแรกก็กลับขึ้นมาสอนจิตในขณะภาวนาโดยตลอด สุดท้ายสัญญาก็กลายมาเป็นปัญญา รู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของหลวงตาที่มีต่อศิษย์ทุกคนมาก ๆ ค่ะ
ขอน้อมกราบขอบพระคุณหลวงตาที่เมตตาชี้แนะ แม้จะได้พบหลวงตาไม่ถึง 3 เดือน การภาวนาของโยมเรียกว่าพลิกฝ่ามือเลยค่ะ ขอให้บุญกุศลที่ได้จากการปลีกวิเวกภาวนาในครั้งนี้ช่วยดำรงธาตุขันธ์หลวงตาให้แข็งแรง มีกำลังในการโปรดลูกศิษย์ทุก ๆ คนต่อไปอีกนาน ๆ ค่ะ
หลวงตา : สาธุ
คนจริง เพียรจริง ย่อมรู้จริง เห็นจริง เป็นธรรมจริง (ธรรมแท้) เป็นของจริง นิ่งเป็นใบ้ ของคิดได้ หรือ ปรุงแต่งได้ ของไม่จริง (สมมติ)
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2561