ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณหลวงตาและกราบขอโอกาสเจ้าค่ะ เป็นสังขารอันละเอียดจริง ๆ นะเจ้าคะหลวงตา วางผู้พยายามวาง และก็ยังเหลืออาการวางอยู่ดี ยังมีกริยาจิตอันละเอียดไปอีก เพราะยังมีเรา เป็นผู้เป็น เป็นผู้รู้ เป็นผู้ยึด เป็นผู้วาง เป็นสังขารเรื่อยไป ความจริงคือให้เห็นตรงที่มีสังขารอันละเอียดอันใด เท่าไร แล้วหลงไปยึดแม้แต่ปรมาณูเดียว มีเราหลงไปยึดถือให้ค่าปุ๊บ เป็นอวิชชาทันที แค่ให้เห็น ให้รู้ ว่าหลงไปยึดแล้วหรือว่าไม่ยึด หรือถ้ายึดและหลงติดไป หรือที่เรียกว่าหลงรู้ไปแล้วก็รู้ขึ้นมาใหม่ คือรู้หลง (ไม่ใช่หลงรู้) ตรงไหนตรงนั้น ขณะใดก็ขณะนั้น เป็นอวิชชาก็แค่รู้ว่าเป็นอวิชชา เป็นวิชชาก็ยังต้องรู้ว่าเป็นวิชชา มีสังขารละเอียดอันใดเท่าใด ก็รู้ไปเจ้าค่ะ ไม่มีเราในรู้ รู้แล้วก็ไม่หลงติดไปและก็ไปปฏิเสธ เหมือนที่ครูอาจารย์กล่าวว่าไม่ดูดรั้ง ไม่ผลักต้านเจ้าค่ะ กราบขอหลวงตาชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณหลวงตาอย่างสูงเจ้าค่ะ
หลวงตา : ถึงจะมีความรู้ ความเห็น ความเข้าใจ พยายามละ ปล่อย วางได้ละเอียดเพียงใด ถ้ายังหลงมีความคิด หรือ ความรู้สึกว่า เรามีตัวตน หรือ มีตัวตนของเรา หรือ มีจิตใจของเรา ก็จะไม่สิ้นกิเลส หรือ ไม่สิ้น อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ .. และความทุกข์
ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ ให้เห็นว่าความคิด ความรู้สึกที่เป็นเรา ตัวเรา ของเราก็เป็นสังขาร จะกำจัดให้หายไปก็ไม่ได้ จะทำอะไรกับมันก็ไม่ได้ ได้แต่แค่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ที่เกิดดับต่อเนื่องกันจนเหมือนเป็นคงที่ ไม่หลงเชื่อมัน ไม่หลงทำตามมัน ไม่ติดมันไป แต่ตอนที่เขียนอยู่นี้ก็เห็นว่ามีเราแอบอยู่เจ้าค่ะ แอบสรุปธรรมออกมาเพื่อจะหาทางปล่อยวางตัวเราเจ้าค่ะ ตัวเราไม่มี ไม่มีตัวเรา มีแต่ธรรมชาติหมุนไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้นเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณหลวงตาที่เมตตาเจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2561