ผู้ถาม : กราบขอโอกาสครับหลวงตา
เมื่อมีอวิชชา
จึงมีสังขารวิบาก
จึงมีวิญญานวิบาก
เมื่อมีอวิชชา
จึงมีสังขารกรรม
จึงมีวิญญาณกรรม
เมื่อสิ้นอวิชชา
สังขารกรรม และ
วิญญาณกรรม
จึงดับไปพร้อม
สังขารวิบาก และ
วิญญาณวิบาก ยังคงอยู่จนสิ้นกรรมเก่า
หลวงตา : ถ้าเขียนอย่างนี้ จะพาหลง ถ้าอย่างนั้นต้องเขียนเต็มรูปดังนี้
เพราะ อวิชชา เป็นปัจจัย จึงทำให้เกิด สังขารกรรม
เพราะ สังขารกรรม เป็นปัจจัย จึงทำให้เกิดวิญญาณกรรม
เพราะ วิญญาณกรรม เป็นปัจจัย จึงทำให้เกิด นามรูป
เพราะ นามรูป เป็นปัจจัย จึงทำให้เกิด สฬายตนะ (อายตนะภายใน) จึงครบเป็นขันธ์ห้า ซึ่งในขันธ์ห้า ก็มี สังขารวิบาก และ วิญญาณวิบาก
ดังนั้น วิญญาณกรรม ที่มี “อวิชชา” ผสมอยู่จึงมีมาก่อนมีขันธ์ห้า ขันธ์ห้า จึงไม่ได้เป็น “อวิชชา” เพราะพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ สิ้น “อวิชชา” แล้ว ขันธ์ห้าก็ยังคงทำงานตามปกติ
“อวิชชา” จึงผสมอยู่ที่จิตหรือวิญญาณกรรม จึงต้องมีสติ ปัญญา สอนจิตให้เข้าใจ รู้ เห็น และยอมรับตามความเป็นจริง ว่าไม่มีตัวตน ไม่มีเรา ตัวเรา หรือ ของเรา เพราะสังขารทั้งหมดไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2561