ผู้ถาม : กราบนมัสการหลวงตาเจ้าค่ะ หนูกราบเรียนถามความเข้าใจ ใจอวิชชา ที่หลงยึดสังขารว่าเป็นเรา ต้องคอยหาทรัพย์ ลาภยศ สรรเสริญ ทรัพย์ ความอยาก มาปรนเปรอลงในกายสังขารให้มีความสุข และยังไปยึดกายสังขารผู้อื่นอีกว่าเป็นเขา มีตัวมีตน เกิดความหลง รัก ชัง พร่ำเพ้อ คิดถึงคนนั้นคนนี้ ใจอวิชชา ก่อให้เกิดสังขารขึ้น
เมื่อมีสังขาร ก็เริ่มมีตัวตน มีวิญญาณเข้ามาครอง จนเกิด รูป นาม ความมีตัวตนก็ทำให้เกิดกิเลสต่าง ๆ เข้ามาครอบงำ การที่จะทำใจให้เป็น วิชชา หนูใช้หลักทางสายกลาง ตามวีดีโอที่ลงคลิปไว้ ไม่ยินดี ยินร้าย ไม่อยากได้อะไร ใจมันก็ลงของเขาเอง ใจมันอยู่ตรงกลางลูกตุ้มนาฬิกา พอมีอะไรมากระทบ สติจะดึงกลับไม่ให้หลงคล้อยตามไปในสุข ทุกข์ แม้มีทุกข์ก็ไม่พล่าน มีสุขก็ไม่หลง ใช้วิธีนี้ไม่ไปเสวยอารมณ์ เกิดความว่าง ว่างแบบไม่สนใจโลก บอกไม่ถูก ว่าง นิ่ง ๆ น้อมใจลงพิจารณาถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง อะไรก็ไม่เที่ยง เกิดดับไป นอกจากกายตาย จิตไม่ตาย แต่ยังมีตัวรู้เข้าพิจารณาอยู่เจ้าค่ะ หนูเข้าใจถูกต้องไหมเจ้าคะหลวงตา กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ
หลวงตา : แช่ว่างแล้ว หลงยึดถือความไม่ยึดถือ หรือหลงยึดถือความเป็นกลาง และความว่าง
วิธีแก้
ทุกปัจจุบันขณะ ให้เข้าหาผู้รู้ อาการเหล่านั้น โดยถามใจของเจ้าของว่า ใครเป็นผู้รู้อาการเหล่านั้น ก็จะได้คำตอบว่าเราเป็นผู้รู้ ก็ให้มีสติ ปัญญา สังเกตตัวเราผู้รู้จะคิดปรุงแต่ง เหมือนกับพูด พากษ์ หรือ มีความอยากหรือความพยายาม .. อยู่ตลอดเวลา ก็ให้สักแต่ว่ารู้เขา อย่าหลงไปกับเขา และไม่พยายามไปดับเขา ทั้งไม่หนีเขา คือ พยายามรั้งตัวเราหรือใจของเราออกจากเขา หรือ แกล้งทำเมินไม่ยอมรับรู้เขา โดยไปอยู่กับความรู้สึกว่าง สงบ นิ่ง เฉย โปร่ง โล่ง เบา สบายแทน
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2561