ผู้ถาม : หลวงตาเจ้าคะ ลูกกำลังสับสนเจ้าค่ะ ตั้งแต่อายุประมาณ 9-10 ขวบ จะมีเสียงเตือนลูกเวลาจะเกิดอันตรายอะไรขึ้น หรือฝันเห็นเหตุการณ์และแม้แต่คำพูดก็ตรงหมดทุกคำเลยเจ้าค่ะ หลาย ๆ ครั้งที่มีเสียงเตือน ไม่ใช่การคิดแต่เหมือนผุดขึ้นมาเจ้าคะ แต่มีครั้งหนึ่งที่ทำเอาลูกไม่แน่ใจตัวเองว่าตัวเองบ้าหรือเปล่า คือ ลูกพาลูกชายของลูกไปเรียนในห้าง ระหว่างรอเวลาเรียน ลูกชายลูกจะไปร้านหนังสือซึ่งยังไม่ถึงเวลาเปิด ลูกก็ยืนอยู่กับลูกชายก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาทักลูก ถามลูกว่าพาลูกมาเรียนเหรอ ลูกก็ตอบว่าค่ะ พร้อมกันนั้นมีเสียงเตือนขึ้นมาว่าระวังนะพวกขโมยเด็ก
ผู้หญิง : พามาเรียนอะไร ภาษาอังกฤษหรือเปล่า
ลูก : ใช่คะ
ผู้หญิง : เรียนที่ชั้นไหนเหรอ
ลูก : ระหว่างที่เขาถามก็มีเสียงเตือนขึ้นมาว่าเขาหลอกถามนะ ลูกก็เลยตอบเลี่ยง ๆ ไปว่าเรียนหลายที่ค่ะ
ระหว่างนั้นก็มีผู้หญิงเดินมาสบทบอีกคน ผู้หญิงคนแรกก็พูดว่านี่ไงลูกสาวไปเข้าห้องน้ำมา
ลูก : ก็มีเสียงเตือนขึ้นมาว่าเขาทำกันเป็นทีมนะ
ก็พอดีกับที่ร้านหนังสือเปิดพอดีลูกก็เลยรีบขอตัวพาลูกชายเดินหนีเขามาเจ้าค่ะ เสียงเตือนเหล่านี้คือสังขารหรือธรรมที่เข้ามาเตือนเจ้าค่ะ และลูกควรจะปฏิบัติอย่างไรเจ้าคะ
หลวงตา : ควรหมั่นสังเกตให้ออกว่า คิดปรุงแต่งฟุ้งซ่านไปเอง หรือ เป็นธรรมที่ปรากฏขึ้นมาเอง ถ้าไม่ใช่เป็นการคิดปรุงแต่งไปเอง แต่เป็นธรรมที่เขาปรากฏขึ้นมาเอง ก็ให้ใช้ประโยชน์จากธรรมนั้น
ผู้ถาม : กราบขอเมตตาหลวงตาชี้แนะสิ่งที่จะทำให้รู้ความแตกต่างของความฟุ้งซ่านกับธรรมที่ปรากฏเจ้าค่ะ เพราะถ้าเป็นความคิดดี ก็สังเกตยากอยู่เจ้าค่ะ
หลวงตา : ถ้าเป็นธรรมที่ปรากฏขึ้นมาเอง จะไม่คิดปรุงแต่งเกี่ยวกับสิ่งนั้นขึ้นมาก่อน จู่ ๆ ก็ปรากฏธรรมนั้นขึ้นมาเอง อาจเป็นเสียง เป็นภาพ หรือ ความรู้สึกในใจก็ได้ แต่ถ้าเป็นความคิดปรุงแต่งฟุ้งซ่าน จะคิดปรุงแต่งเรื่องเกี่ยวกับสิ่งนั้นขึ้นมาก่อน แต่ที่สำคัญ แม้จะเป็นธรรมที่ปรากฏขึ้นมาเอง ก็เพียงแค่ใช้ประโยชน์ในขณะนั้นแล้วปล่อยวางไป
***** แต่ที่สำคัญจะต้องมี “สติ” “ปัญญา” กำกับในการรู้เสมอ เพื่อไม่หลงตามไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะจิตอาจปรุงแต่งขึ้นมาตามความอยากที่ซ่อนเร้นในใจ เช่น อยากสำเร็จมากเกินไป จิตจึงปรุงแต่งเป็นพระพุทธเจ้าหรือหลวงปู่องค์ใดที่เคารพนับถือ มาเรียกให้หลงตามไป อาจหลงว่าตนเองสำเร็จหรือวิ่งตามไปจนเสียสติเป็นบ้าได้
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2561