ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณค่ะ กราบนมัสการหลวงตา และขอโอกาสส่งการบ้านค่ะ ตอนนี้ที่หนูเข้าใจก็คือ ให้มีสติ ไม่เอาตัวเราไปรู้สิ่งต่าง ๆ และความว่าง แต่ให้รู้ที่ตัวเรา เหมือนเห็นร่างกายทั้งตัวที่มันคิดนึกตรึกตรองปรุงแต่ง ดิ้นรนค้นหา พยายาม หรือมีอาการต่าง ๆ อย่างที่มันเป็นมันเหมือนสลับไปสลับมาค่ะ เมื่อใดที่หลงเอาตัวเราไปรู้ เอาตัวเราไปจับความรู้สึกว่าง ก็ให้เข้าหาผู้รู้ เหมือนถอยออกมารู้ตัวเราที่เป็นสังขาร ก็จะไม่หลงไปเป็นสังขาร เหมือนเห็นตัวเราทั้งตัวเป็นส่วนหนึ่งของความว่างภายนอก แต่ก็ไม่ใช่ไปจับความว่างภายนอก ให้อยู่กับรู้ ไม่ใช่อยู่กับคิด ไม่หลงเอาผู้รู้เป็นเราหรือเอาเราเป็นผู้รู้ ตอนนี้หนูมีความเข้าใจอย่างนี้ค่ะ ถ้าเข้าใจผิดอย่างไร ขอหลวงตาเมตตาชี้แนะด้วยค่ะกราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงตาอย่างหาที่สุดมิได้ค่ะ หนูจะน้อมรับคำสอนของหลวงตาและเพียรปฏิบัติตามที่หลวงตาสอนค่ะ กราบขอบพระคุณหลวงตาเป็นอย่างสูง และกราบขอขมาหลวงตา หากมีสิ่งใดที่ล่วงเกินหลวงตาด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งที่ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ด้วยอวิชชาก็ดี ด้วยความไม่รู้เท่าทันก็ดี ขอหลวงตาได้โปรดเมตตาให้อโหสิกรรมด้วยค่ะ ขอถวายการปฏิบัติเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา บูชาคุณบิดามารดา และเป็นอาจาริยบูชาแด่องค์หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโยค่ะ
หลวงตา : ไม่มีตัวเรา ถอยออกมารู้ตัวเรา และตัวเราทั้งตัว ไม่ใช่ความว่างภายนอก เพราะ ธรรมชาติแท้จริงไม่มีเรา ตัวเรา ของเรา มาตั้งแต่แรก
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2561