ผู้ถาม : เมื่อคืนได้ฟังเรื่องที่หมอกอล์ฟส่งการบ้าน แล้วหลวงตาสอนว่า ปลามันเน่าไปแล้ว ไม่ต้องไปหลงช่วยมันอีก ถ้าหลงช่วยมันก็มีตัวเราเรื่อยไป จิตดวงเดิมมันจบแล้ว ปล่อยมันไป จนกว่าจิตสักดวงจะเป็นสักแต่ว่ารู้ และไม่ต้องหลงไปยึดจิตสักแต่ว่ารู้อีก ที่หลวงตาสอนตรงนี้ดีมากเลยครับ File เสียง และคำสอนที่หลวงตาส่งมาให้ปัญญาทั้งนั้นเลยครับ ขอหลวงตารักษาธาตุขันธ์ด้วยนะครับ จริง ๆ แล้ว ธรรมชาติเค้าก็แสดงตัวตรงไปตรงมา ซื่อตรงของเขา ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน แต่ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมคนเรามันถึงชอบมองโลกกลับด้านไปหมด ทำไมมันชอบมองแต่ในมุมของความมีตัวตน ไม่มองให้ตรงไปตรงมาซะตั้งแต่แรก มันก็จะได้ไม่มีปัญหาอะไรครับ หลวงตาก็สอนแล้วสอนอีก ฟังไปฟังมาก็เรื่องเดิม ๆ แต่ทำไมเราต้องมาย้ำกันแล้วย้ำกันอีก รากของอวิชชานี่มันลึกจริง ๆ เลยครับ
หลวงตา : ธรรมหรือธรรมชาติปกติธรรมดา เขาไม่ซับซ้อน แต่เป็นเพราะมันมี “อวิชชา” คือ เรา ตัวเรา หรือ ของเรา ผสมปนอยู่ใน “รู้” ส่วนในขันธ์ห้า หรืออาการต่าง ๆ เขาไม่ได้มี “อวิชชา” ด้วย
แต่คนทั้งหลายไปแก้ไขแต่อาการที่ไม่ถูกใจ จะให้เหลือแต่อาการที่ถูกใจ ว่าง โล่ง โปร่ง เบา สบาย หรือ จะให้เหลือแต่อาการที่เป็นกุศล หรือ จิตที่บริสุทธิ์ คือ ว่าง สะอาด บริสุทธิ์พยายามไม่ให้มีอกุศลปนเลย มันจึงมี “อวิชชา” คือ มีเรา ตัวเรา หรือ ของเราผสมปนอยู่ใน “รู้” แล้วลุกลามยึดถือเป็นไฟกิเลสและความทุกข์อีกมากมาย
เพราะมีเรา หรือ ตัวเรา จะเอา จะเอาๆๆๆ .... แม้การปฏิบัติธรรม ก็ไม่ได้ปล่อยวางเรา ตัวเรา หรือ ของเรา มีแต่จะเอา จะเอา ......... มันเลยมีปัญหาไม่จบสิ้น ก็ต้องตอบปัญหากันไม่จบสิ้นเช่นเดียวกัน...555
สิ้นเรา ตัวเรา หรือ ของเรา เสียเท่านั้น หมดปัญหา พ้นทุกข์ นิพพาน
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2561