ผู้ถาม : หลวงตาเจ้าคะ รู้แล้วเจ้าค่ะว่ามันอยู่ตรงไหน ความแตกต่างระหว่าง ธรรมแท้ที่ออกจากจิตที่เป็นพุทธะ กับธรรมปลอมที่ออกจากการปรุงแต่ง ธรรมปลอม มันจะเป็นสังขารที่เกิดขึ้น ตามหลังกริยาจิต คือ "การตรึก" "การตรอง" สังเกตดี ๆ มันจะปรุงตัวนี้ขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยออกมาเป็นคำพูด ก่อนหน้านี้ รู้เท่าทันแค่ตอนปลาย ที่เป็นสังขารความคิดคำพูดว่าตัวนี้ไม่ใช่เรา แต่ความละเอียดส่วนของกริยาจิต "ตรึกตรอง" เพิ่งเห็นชัดไม่นานเจ้าค่ะ ว่า "มันเป็นสังขาร" "มันปรุงธรรมปลอม" นี่หว่า เมื่อเห็นก็ปล่อยวาง คือ ไม่ไปอะไร ๆ กับมัน ไม่ได้เชื่อมัน ไม่ได้ชอบใจปรุงธรรมตามมันแล้ว ก็รู้มันเฉย ๆ เจ้าค่ะ
ส่วนธรรมแท้นั้น มันเกิดตรง ๆ ขึ้นมาเอง บางครั้งเป็นความรู้ความเข้าใจที่ไม่ได้ผ่านคำพูด ไม่ได้มีกริยาจิตของการตรึกตรองมาคั่น แค่เห็นสิ่งนั้น ก็รู้แบบนั้นตรงไปตรงมาเลย ซึ่งเกิดจากการกระทบในขณะจิตที่ว่าง เป็นวิสังขารจริง ๆ เจ้าค่ะ ยกตัวอย่าง ขณะที่จิตไม่ได้ปรุงแต่งส่งออกกับอะไร พอคุยกับผู้อื่น แค่เห็นเขา มันก็เห็นจิตเขาได้ มัน "รู้" ขึ้นมาเองเลย ถามเขาไปได้เลย เป็นขณะ ๆ จิต ว่าตอนนี้คิดกังวลอะไรอยู่ เหมือนจมความคิด พอเขาเล่าออกมา มันฟังเฉย ๆ ก็รู้จิตเขาที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เวลาเล่าถึงตอนที่โกรธ จิตเขาก็โกรธขึ้นมา สักพักอาหารมา คุยเรื่องอื่น จิตเขาก็คลายออก เป็น dynamic แบบนี้เลยเจ้าค่ะ เมื่อก่อนไม่ใช่ไม่เคยเห็นนะเจ้าคะ แต่เมื่อก่อน มันเห็นจิตเป็นรูปบ้าง หรือ มีตัวตนของเราไปรองรับ มันรู้สึกได้ว่า "ตัวเราโดนกระแทก" "ตัวเราเศร้าหมอง" " ตัวเราหงุดหงิด" ไปด้วย เหมือนซึมซับเขามาหมด ตอนนี้มันไม่มีแล้ว มันรู้แล้วว่า ความโกรธ อารมณ์ที่ถูกเห็น มันไม่ใช่ของเรา ไม่มีอะไรเข้าสู่ใจได้ เพราะมันไม่มีตัวใจ ที่จะกักขังอะไรไว้เลยเจ้าค่ะ อารมณ์ที่เกิด มันคงไว้ไม่ได้เลย กลืนหายไปกับความว่างทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ
หลวงตา : ทั้งสังขาร คือ ธรรมชาติปรุงแต่ง และ วิสังขาร หรือ ใจ ซึ่งเป็นธรรมไม่ปรุงแต่ง เป็นความไม่มีอะไรปรากฏ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เขาไม่ได้เป็นเรา เป็นตัวเรา หรือ เป็นของเรา
ธรรม หรือ ธรรมชาติ มีแต่สังขารเกิดดับ ในธรรมชาติที่ไม่สังขาร เป็นความปกติธรรมดาของธรรมชาติเช่นนี้ตลอดกาล ในอดีตก็เป็นเช่นนี้ ปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้ อนาคตก็เป็นเช่นนี้
ไม่มีเรา ตัวเรา หรือ ของเราในธรรมชาติเลย
หายโง่ (อวิชชาดับสนิท) เสียที
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2561