ผู้ถาม : กราบองค์หลวงตาเจ้าค่ะ ความว่างเปล่า ความเงียบสงบสงัด เป็นเพียงสิ่งถูกรู้ เหนือความว่างเปล่าสงบสงัดไป ยังมี "รู้" ไม่ยึดถือความว่างเปล่า ความเงียบสงบสงัด จึงได้แต่รู้ และรู้อยู่อย่างนั้น ได้แต่รู้ ๆๆๆ อยู่อย่างนั้น แค่นี้หรือเปล่าเจ้าคะ กราบขอโอกาสขอองค์หลวงตาเมตตาชี้แนะเจ้าค่ะ
หลวงตา : เมื่อสิ้นความหลงปรุงแต่งแล้ว ก็อยู่กับรู้ หรือ เป็นใจไม่ปรุงแต่ง (วิสังขาร) หรือ สติ สมาธิ ปัญญา เป็นหนึ่งเดียวกับใจ หรือ จิตเดิมแท้ หรือธาตุรู้ หรือธรรมธาตุ สุญญตาธาตุ มหาสุญญตาธาตุ นิพพานธาตุ อสังขตธาตุ หรือ อสังขตธรรม
ไม่เป็นสติ สมาธิ ปัญญาที่เป็นสังขารอีกต่อไป เรียกว่า ใจมีสติ สมาธิ ปัญญาอัตโนมัติอยู่ในธาตุรู้ของเขาเอง ไม่ต้องพึ่งพาสติตั้ง หรือ สติปรุงแต่ง สมาธิปรุงแต่ง และปัญญาปรุงแต่งอีกต่อไป
กลายเป็นใจที่สิ้นปรุงแต่ง ไม่ปรากฏอะไร ไม่มีแม้ตัวจิตตัวใจ จึงเป็นธรรมชาติที่สงบแท้ ว่างเปล่าแท้ เพราะไม่ปรุงแต่งโดยธรรม หรือ โดยธรรมชาติของเขาแท้ ๆ ตลอดกาล
ส่วนสังขารของขันธ์ห้าที่ยังไม่ตายแตกดับ ก็เกิดดับในธรรมชาติแท้ที่ไม่เกิดไม่ดับนี้ จนกว่าจะสิ้นอายุขัย ขันธ์ห้าก็แตกดับไป ใจหรือ วิญญาณ
ไม่มีเรา ตัวเรา หรือ ตัวตนของเรา ในธรรมชาติที่ปรุงแต่ง (สังขาร) และในธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง (วิสังขาร)
เมื่อสิ้นตัวตนว่าเป็นเรา ตัวเรา หรือ ของเรา ก็สิ้นผู้หลงยึดมั่นถือมั่น ก็สิ้นกิเลส พ้นทุกข์
ที่อธิบายมาทั้งหมดล้วนเป็นการปรุง เพื่อให้ทำความเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรเท่านั้น
***** แต่ก็ยังไม่ใช่ “ใจ” ที่เป็นธรรมไม่ปรุงแต่ง
ถ้ายังไม่สิ้นปรุงแต่งหาเหตุผล ก็จะหลงหาเขาที่อยู่บนหัว
ผู้ถาม : นั่นหนะสิเจ้าคะ ถามองค์หลวงตาไปแล้วเพิ่งจะรู้ตัวเจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2561