ผู้ถาม : หลวงตาเจ้าคะ ทำไมเวลาที่มันว่าง ไม่มีอะไร มันจึงเห็นคนทั้งหลายเป็นของว่างด้วย ? ไม่สามารถเห็นจิต หรือเห็นความเคลื่อนไหวของจิตเขาได้เลย ? โลกภายนอกมันว่างไปหมด แม้ความคิดยังพูดไม่หยุดก็ตาม
แล้วอย่างนี้จะสอนเขาได้อย่างไร ถ้ามันไม่เห็นจิตเขา?
หลวงตา : ใครเล่าเป็นผู้รู้ความว่างนั้น ?
ผู้รู้ความว่างนั้น เป็นผู้รู้ตัวปลอม เพราะมันจะคิดตรึกตรอง
ได้ จึงเป็น “สังขาร” เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ให้ปล่อยวางผู้รู้นั้นทุกปัจจุบันขณะ
ก็จะสิ้นสังขาร
พบใจที่ไม่สังขาร
ไม่ยึดถือใจนั้น
จึงพ้นทุกข์ (นิพพาน)
“ใจ” และ นิพพานไม่ใช่สภาวะ ไม่มีสัญลักษณ์ ไม่มีที่หมาย จึงไม่มีอะไรให้ยึดถือได้
อีกทั้งไม่มีตัวตนของผู้ยึดถือด้วย
เมื่อไม่มีตัวตนของผู้ยึดถือ จึงไม่มีผู้ทุกข์ (นิพพาน)
เมื่อพ้นทุกข์แล้ว ก็จะรู้แก่ใจเองว่า บัดนี้ สิ้นผู้เสวย หรือ สิ้นผู้ยึดมั่นถือมั่น จึงสิ้นกิเลส พ้นทุกข์ (นิพพาน) แล้ว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ภพชาติใหม่ไม่มีอีกต่อไป
พระอริยเจ้าทั้งหลาย อยู่กับรู้นี้
หรือ อยู่กับรู้ว่าสิ้นตัวตนของผู้ยึดถือแล้ว จึงรู้ทุกอย่างด้วยความเป็นกลาง หรือเป็นอุเบกขา
ผู้ถาม : เจ้าค่ะหลวงตา มันมีตัวหนู ไปอะไร ๆ กับความว่างอีกแล้ว
มันยึดถือกับการสอนผู้อื่นเลยโวยวายเจ้าค่ะ
จริง ๆ ไอ้ตัวโวยวาย ก็คือผู้รู้ความว่าง ตัวปลอมนั่นเอง
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561