ผู้ถาม : กราบนมัสการองค์หลวงตาเจ้าค่ะ
หนูมีเรื่องอยากกราบเรียนถามเจ้าค่ะว่า … การเห็นปฏิจจสมุปบาทต้องเห็นเหมือนกันไหมเจ้าคะ เพราะว่าสิ่งที่มันรู้มันเห็นจะเป็นว่า ...
เพราะมีอวิชชา ใจหรือธาตุรู้ที่บริสุทธิ์ (วิสังขาร) จึงถูกห่อหุ้มกลายเป็นมีตัวใจ (สังขาร)
เพราะมีสังขาร จึงเกิดเป็นวิญญาณที่มีความรู้สึกของความเป็นตัวตน (กู)
เพราะมีวิญญาณที่มีความรู้สึกของความเป็นตัวตน (กู) จึงเกิดนามรูปที่เป็นตัวตน (การเกิดของกายโปร่งแสง หรือเรียกนามกาย)
เพราะมีนามรูปที่เป็นกายโปร่งแสง จึงเกิดสฬายตนะที่มีความรู้สึกถึงความมีตัวตน (กู)
เพราะมีสฬายตนะที่มีความเป็นตัวตน (กู) เช่น ตาเรา จึงเกิดเป็นผัสสะของความมีตัวตน (กู) เป็นเราเห็น
เพราะเกิดผัสสะของความมีตัวตน (กู) จึงเกิดเวทนาที่มีตัวตน (กู) เช่น เราสุข หรือ เราทุกข์
เพราะเกิดเวทนาที่มีตัวตน (กู) เช่น เราสุข จึงเกิดตัณหาความทะยานอยาก
เพราะเกิดตัณหาความทะยานอยาก จึงเกิดอุปาทานความยึดมั่นถือมั่น
เพราะเกิดอุปาทานความยึดมั่นถือมั่น จึงเกิดภพขึ้นในจิตเจ้าของ
เพราะเกิดภพขึ้นในจิตเจ้าของ จึงนำมาซึ่งชาติ คือ เกิดจิตดวงใหม่ที่เป็นตัวเป็นตนจริง ๆ จัง ๆ (กูอีก) จนตามมาด้วยชรา มรณะ โสกะปะริเทวะทุกขโทมนัสอุปายาส
หนูกราบขอขมาองค์หลวงตาอย่างสูงด้วยเจ้าค่ะ เพราะข้างในมันไม่เห็นปฏิจจฯ แบบข้ามภพชาติ ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจฟังองค์หลวงตานะเจ้าคะ มันนึกน้อมแบบข้ามภพชาติอันนั้นไม่เห็น
แต่เหมือนกับคิดตามพร้อมดูคลิปวีดีโอที่เด็กในหมู่บ้านกลับมาเกิดในครอบครัวเดิม แต่มันไม่ลงถึงใจเจ้าค่ะ บางครั้งจึงไม่ค่อยกล้าพูดถึงปฏิจจสมุปบาท เพราะถ้าพูดมันก็จะไม่เป็นแบบที่ออกมาจาก
ใจ จึงกราบขอความเมตตาจากองค์หลวงตาด้วยเจ้าค่ะ ว่าปล่อยมันเห็นของมันแบบนี้ได้ไหมเจ้าคะ หนูเคยคิดจะกราบเรียนถามองค์หลวงตาหลายครั้ง แต่นึกว่าช่างมันเถอะ ช่างมันเถอะ อย่ายึด
ความรู้ความเห็น ปล่อยให้มันผ่านไป แต่ก็จะมาติดเวลาคนมาถามเจ้าค่ะ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเจ้าค่ะ และตอนนี้หนูใช้ชีวิตเหมือนคนปรกติที่ไม่ได้ภาวนาเลยเจ้าค่ะ แต่มันก็รู้อยู่นะเจ้าคะ และก็ยังมี
หลงแต่ก็ช่างมันเจ้าค่ะ เพราะธรรมชาติเค้าต้องทำงานของเค้าเอง กราบขอความเมตตาองค์หลวงตาช่วยชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ และกราบขอขมาที่ต้องรบกวนองค์หลวงตาหลายครั้งเจ้าค่ะ
หลวงตา : ก็เป็นอย่างที่รู้เห็นและเข้าใจนั่นแหละ
เพราะขณะจิตปัจจุบัน เกิดอวิชชา ตัณหา อุปาทาน คือ ไปยึดถือสิ่งใดมาไว้ในใจ วิญญาณจึงเกิดเป็นตัวตนโปร่งแสงขึ้นมาในปัจจุบันขณะนั้น
ครั้นขณะจิตต่อมา เปลี่ยนไปมีอวิชชา ตัณหา อุปาทาน ต่อสิ่งอื่น วิญญาณที่สร้างภพชาติเป็นกายโปร่งแสงเก่าก็ตาย (ชรามรณะ)
เกิดวิญญาณเป็นกายโปร่งแสดงตัวใหม่เพราะยึดถือสิ่งใหม่
เมื่อเปลี่ยนสิ่งที่เอามายึดถือในใจ วิญญาณโปร่งแสงตัวเก่าก็ดับไป (ชรามรณะ) เกิดวิญญาณซึ่งเป็นกายโปร่งแสงตัวใหม่เพราะเปลี่ยนความยึดถือ
ดังนั้น วิญญาณที่เกิดเป็นตัวตนโปร่งแสง จะเกิดตายไปเรื่อย ๆ ตามความยึดถือที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันขณะ
เมื่อจะดับจิตสุดท้าย อยู่ที่ยึดถืออะไร และเป็นไปตามอำนาจแห่งกรรม แม้มีเจตนาจะยึดถือคนใดเพื่อให้วิญญาณเกิดกับคนนั้น แต่บุญกุศลไม่พอที่วิญญาณจะเกิดกับคนนั้นได้ จึงต้องไปตามแรงกรรม เพราะวิญญาญสุดท้ายยังเกิดตัวตนโปร่งแสง เนื่องจากขณะจะดับจิตสุดท้ายยังหลงยึดถืออยู่
ดังนั้น ปฏิจจสมุปบาท หมายถึง อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ.......ฯลฯ ที่เป็นกายโปร่งแสง ทุกปัจจุบันขณะที่หลงยึดถือ
เมื่อเปลี่ยนสิ่งที่หลงยึดถือในเวลาถัดมา วงจรปฏิจสมุปบาทเก่าดับไป คือ กายโปร่งแสงเก่าดับหรือตายไป
เกิดอวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ...ฯลฯ ซึ่งเป็นกายโปร่งแสงตัวใหม่ แล้วก็ดับหรือตายไป เมื่อเปลี่ยนการยึดถือใหม่ ก็ไปเกิดกายโปร่งแสงตัวใหม่
ดังนั้น วงจรปฏิจจสมุปบาท จึงเกิดดับครบวงจร เป็นขณะจิตปัจจุบันไป
ขณะที่ธาตุขันธ์แตกดับ แล้วยังไม่สิ้นยึดถือ วิญญาณที่เป็นกายโปร่งแสงจึงไม่ดับ ต้องไปรับกรรม และไปเกิดในร่างใหม่ และ เมื่อขณะจิตปัจจุบันในชาติใหม่หลงยึดถืออะไร ก็เกิดวงจรปฏิจจสมุปบาท
เกิดวิญญาณเป็นกายโปร่งแสงตามร่างในชาติใหม่ เมื่อเปลี่ยนการยึด วิญญาณโปร่งแสงก็จะดับ เกิดวิญญาณโปร่งแสงตัวใหม่ วนเวียนเกิดดับอย่างนี้เรื่อยไป
จนกว่า จะสิ้นความหลงยึดมั่นถือมั่น (อวิชชาดับสนิท) วิญญาณที่เป็นกายโปร่งแสงก็ดับสนิทครั้นธาตุแตกขันธ์ดับ จึงไม่มีวิญญาณที่เป็นกายโปร่งแสงเหลือเป็นตัวตน ให้ต้องเวียนเกิดตายหรือรับ
กรรมอีกต่อไป
ผู้ถาม : กราบขอบพระคุณองค์หลวงตาอย่างสูงเจ้าค่ะ กราบในความเมตตาอันหาที่สุดมิได้ แจ่มแจ้งถึงใจเจ้าค่ะ เป็นบุญของหนูยิ่งแล้วที่ได้เป็นศิษย์องค์หลวงตาเจ้าค่ะ
กราบ กราบ กราบ เจ้าค่ะ
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561