ผู้ถาม : ระยะนี้โยมได้มีโอกาสฟังธรรมหลวงตาทั้งเช้าและก่อนนอน มาหลายวัน เมื่อเช้านี้ได้เห็นสังขาร ความคิดนึกปรุงแต่ง ต่างๆไหลผ่านไปมา ในท่ามกลางใจที่สงบนิ่ง แต่ยังรู้สึกถึงมีความหนักๆแน่นๆติดอยู่ในใจเจ้าคะ เมื่อเย็นโยมเดินจงกรม ฟังธรรมของหลวงตา เรื่อง มันอยู่นอกเหนือวิสัย เห็นสังขาร ความคิดนึกปรุง ต่างๆไหลผ่านไปมา ท่ามกลางใจที่สงบนิ่งแต่แน่นๆ เช่นช่วงเช้า แต่พอได้ยินเสียงหลวงตาเทศน์ถึงจุดเราไม่มี และ เรื่องใจที่เป็นวิสังขารตัวปลอม กับ ใจที่เป็นวิสังขารตัวจริง มันก็เกิดเสียงขึ้นในใจว่า มันไม่มีเรามาตั้งแต่แรก เรามันอยู่ตรงไหน โยมก็เห็นใจที่มันแน่นๆอยู่ค่อยๆคลี่ออกๆ จนมันเป็นใจที่ว่างๆ เหมือน แบบไม่มีอะไร เห็นสังขารต่างๆ ผ่านมาด้วยใจที่นิ่งๆเฉยๆไม่มีอะไร กราบเรียนขอคำแนะนำหลวงตาเจ้าคะ
หลวงตา : “ใจ”ที่นิ่งๆเฉยๆไม่มีอะไร....นั่น เป็นตัวการหลอกลวงให้หลงโลก หลงธรรม
ผู้ถาม : แสดงว่า โยมปฏิบัติไม่เห็นถึงใจเลยใช่ไหมเจ้าคะ. ที่ว่าเห็นสังขารในท่ามกลางใจที่สงบนิ่งยังเป็นธรรมหลงโลกอยู่หรือเจ้าคะ กราบขอความเมตตาหลวงตาได้โปรดชี้แนะโยมด้วยเจ้าคะ กราบๆๆหลวงตาเจ้าคะ
หลวงตา : ไม่ใช่อย่างนั้น ให้ปล่อยวางไปให้หมด
ให้ปล่อยวางความรู้สึกว่าตัวเรามาปฏิบัติก็เพื่อจะให้ตัวเราได้อะไร
ทำลายเป้าหมายหรือธงที่ปักไว้ในใจ
“ใจ”ที่สงบนิ่ง หรือ ว่างเปล่า นั้น เป็นเหยื่อที่หอมหวนยิ่งนัก เป็นเหมือนเหยื่อล่อปลา ที่ทำให้ผู้ยังหลงอยู่มากินเหยื่อ
ตัวตนของเราไม่มีมาแต่แรกแล้ว จึงไม่มีตัวเราจะไปเอา ไปได้ ไปเป็นอะไร
ส่วนจิตเดิมแท้หรือใจ ก็มีแต่ชื่อ แต่ไม่มีตัวจิต ตัวใจ
แล้วจะมีใครยึดถือใจได้
แม้แต่ “ใจ ยัง ไม่มีตัวใจ “ ที่จะยึดถือตัวมันเองเลย
ปุจฉาวิสัชนาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561