ผู้ถาม : กราบขอโอกาส หลวงตาครับ
เมื่อวันก่อมผมลองนั่งสมาธิดูครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ทุก ๆ ครั้งผมนั่ง ๆ ไปแล้วก็ชอบพล๊อยหลับทุก ๆ ครั้งเลยครับ ซึ่งก่อนหน้านี้หลวงตาสอนเสมอ ๆ ว่าที่มันหลับเพราะจิตเรามันเข้าไปแช่อยู่ในอารมณ์สบาย
วันแรก 30 นาที ลองสังเกตเห็นดูว่าถ้าผมเข้าไปอยู่ในอารมณ์สบาย ๆ แล้วมันจะเริ่มง่วงขึ้นมาจริง ๆ ครับ
คราวนี้ผมเลยสังเกตเห็นอาการขณะที่จิตมันจะเข้าไปอารมณ์สบาย ๆ ว่ามัน อ๋อออ มันเข้าไปในอารมณ์แบบนี้ แล้วก็ลองเข้า ๆ ออก ๆ จนจำหน้าของอารมณ์สบายนั้นได้ล่ะครับ
พอมาวันที่สอง วันนี้ผมลองตั้งเวลาอยู่ที่ 50 นาทีดูครับ ตอนเริ่มนั่งช่วงแรกมันก็ง่วง ๆ หาวน้ำตาไหลอยู่ครับหลวงตา พอนั่งไปเรื่อย ๆ จิตมันก็จะไปในอารมณ์สบายครับ แต่ว่าผลจากเมื่อวานเราเห็นอาการของมันชัดแล้ว มันก็เลยไม่เข้าไปในอารมณ์สบายล่ะครับ
หลังจากนนั้น มันก็นั่งไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่มีอาการ ง่วงนอน หรืออยากจะหาวอะไรเลยครับหลวงตา และในใจมันก็ผุดคำบริกรรมขึ้นมาเองครับ น่าจะเป็นคาถาอะไรซักอย่างครับ หลวงตาแต่ผมจำไม่ได้ครับ มันบริกรรมว่า “อิติปิโสวิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธะปิติอิ” ใจมันก็ บริกรรมคำนี้ไปเรื่อย ๆ ๆ ต่อให้มีความคิดอื่น ๆ ผุด ขึ้นมันคำบริกรรมนี้มันก็ไม่ได้หายไปครับ
มันก็ไปเรื่อย ๆ อาการ เวทนาของร่างกายต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรครับหลวงตา มีเพียงแต่ความรู้สึกของมือซ้ายขวาที่วางทับกันอยู่มันเหมือนมือมันหายไป ขาทั้ง 2 ข้างก็เหมือนมีอยู่บ้างไม่มีอยู่บ้างครับ หลังจากนั้นนาฬิกาก็ปลุกแล้วครับ เลยต้องออกจากสมาธิก่อนครับ (แต่ในใจมันก็ยังอยากจะอยู่ในอารมณ์สมาธินี้ต่อครับ เหมือนยังไม่อยากเลิกนั่งสมาธิครับหลวงตา ….. ความอยากตรงนี้ต้องระวังไว้ด้วยมั้ยครับ)
เลยจะกราบขอคำแนะนำหลวงตาครับว่าต่อไปควรจะต้อง ทำอย่างไรต่อไปดีครับ
หลวงตา : เพียรอย่างนั้นให้สม่ำเสมอ เพิ่มเวลามากขึ้นเรื่อย ๆ เรียนรู้จากประสบการตรงดีกว่าฟังอย่างเดียว
มนต์คาถานั้น คือ “มนต์คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า” ดีทุกอย่าง
คงจะถูกกับจริตนิสัย ก็ใช้คำบริกรรมนี้ในการทำสมาธิ
ผู้ถาม : ขอบคุณครับหลวงตา จะเพียรทำเรื่อย ๆ แล้วมาส่งการบ้านเรื่อย ๆ ครับหลวงตา
ปุจฉาวิสัชชนาธรรมเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565